เดาว่าหลายคนคงเคยเห็น / ได้ยินชื่อโฮมสเตย์ 2 ที่นี้มาแล้ว
ก็เล่นบรรยากาศดี สโลไลฟ์ขนาดนั้น คนจะอดใจไม่แชร์ยังไงไหว
ที่สำคัญคือมีแบงค์ห้าร้อยใบเดียวก็ไปพักที่ ‘บ้านระเบียงดาว’ หรือ ‘บ้านป่าบงเปียง’ ได้
(อยากไป 2 ที่ ต้องมีแบงค์พัน ฮ่าๆ) ไม่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัวก็ไปได้
ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้แอบไปชาร์จพลังชีวิต แล้วค่อยกลับมาลุยงานเนอะ
ค่าใช้จ่าย + ข้อมูลการเดินทาง รวมอยู่ในรีวิวนี้แล้ว ไปดูกันเล้ยยย !
ขอเริ่มจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก่อนค่ะ ทริปนี้โดนไปทั้งหมด 5,245 บ. ซึ่งมาจาก..
1. ค่าเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 3,200 บ.
2. ค่ารถ (รวมหมด แท๊กซี่ รถแดง รถเหลือง รถประจำทาง) 820 บ.
3. ค่าที่พัก บ้านระเบียงดาว 500 บ. + บ้านพี่ศรชัย ที่บ้านป่าบงเปียง 500 บ. (ทั้ง 2 ที่รวมอาหารเช้า-เย็น)
4. ค่าอาหารมื้อที่ต้องหากินเอง 225 บ. (ไม่รวมขนมนมเนยที่ซื้อจากเซเว่น)
ไปนอนโฮมสเตย์ อย่าลืมเอาของพวกนี้ไปด้วย..
พาวเวอร์แบงค์ / แบตสำรอง, ไฟฉาย, ยากันยุง, กางเกงนอนขายาว
ผ้าขนหนูอาบน้ำ (ทั้ง 2 ที่ไม่มีให้นะ), สบู่ + ยาสระผม
ความจริงทริปนี้เราบินดึกเพราะต้องการประหยัดงบ แพลนตอนแรกคือคืนนี้นอนสนามบิน เช้าค่อยนั่งรถไปขนส่ง ไปบ้านระเบียงดาว แต่พอเอาเข้าจริง นอนไม่ลง เก้าอี้สนามบินแข็งเว่อร์ ! เลยนั่งหาโฮสเทลกันตอน 5 ทุ่ม แล้วเรียกแท๊กซี่ไปเลย 160 บ. (2 คน) พวกเราไปถึง ‘Chiangmai Backpack House’ และจ่ายเงินคนละ 180 บ. ด้วยความงงและขำตัวเอง55555 เอาวะ นอนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า
ถึงเมื่อคืนจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะต้องฟังเสียงรถทั้งคืน (ตอนหาที่นอนดันไม่ดูว่าติดถนนใหญ่) แต่เช้านี้พวกเราก็พร้อลุยค่ะ ! จากที่พักพวกเรานั่งรถแดงไปลง ‘ขนส่งช้างเผือก’ ด้วยราคา 20 บ. / คน ถ้าใครชอบเดินก็เดินได้นะประมาณ 2.4 กิโล
ถึงปุ๊ปมองหาร้านข้าวก่อนเลย มีหลายร้านอยู่นะรอบๆขนส่ง แล้วเราก็มาสะดุดที่ร้านนี้..
ร้านดูสะอาดน่านั่งและคนเยอะพอสมควร น่าจะไว้ใจได้
เช้าๆแบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าน้ำซุปร้อนๆอีกแล้ววววว จัดน้ำตกหมูมาหนึ่งค่ะแม่ !
(เท่าที่สังเกต คุณป้าคนเหนือเขาจะแทนตัวเองว่าแม่)
หอม อร่อย ให้เยอะ กินแล้วตื่นเลย ! จ่ายตังค์ 45 บ. เรียบร้อย พวกเราก็เดินไปซื้อเสบียงที่เซเว่น
รถสายเชียงใหม่-ท่าตอนกำลังจะออกแล้วววววววว โดดขึ้นเล้ยยยยย
นั่งไปสักพักก็จะมีพนักงานมาเก็บค่าโดยสารค่ะ จะถูกจะแพงขึ้นกับระยะทาง
บอกว่าลง ‘โลตัสเชียงดาว’ เขาก็จะเก็บเรา 40 บ. จากนี่ใช่เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ทีแรกว่าจะหลับ แต่ดันเจอตัวป่วนเข้าให้..
คุยเล่นกันตั้งนาน ตอนน้องลงรถดันหลับซะงั้น เลยไม่ได้บ๊ายบายน้องเลยยยยย ถ้าคุณพ่อคุณแม่น้องอ่านอยู่ ฝากสวัสดีน้องศุภวิชกับน้องจุติมาด้วยนะค้า (สะกดถูกมั้ยไม่รู้ น้องๆยืนยันว่าน้องๆไม่มีชื่อเล่น ฮ่าๆ) นั่งลมเย็นๆ แป๊ปเดียว รถก็จอดหน้าโลตัสค่ะ
จากข้อมูลที่หามาเขาบอกว่าให้ขึ้นรถสองแถวเชียงดาว-เมืองคอง / รถสองแถวที่ไปถ้ำเชียงดาว ค่าเสียหายคนละ 50 บ. ซึ่งจะมีคิวจอดอยู่แถวนั้น แต่นี่ก็ดันไม่ได้ทำถามแผนที่วางไว้เพราะว่า.. ทันทีที่ลงจากรถประจำทาง ก็เห็นคุณพี่คนนึงยืนกวักมืออยู่ในซอกเล็กๆข้างโลตัส ตอนนั้นคิดในใจ ‘เรียกเราหรอ ? มีใครเห็นพี่เขาอีกมั้ยวะ’ พอเข้าไปใกล้ๆก็โล่งใจ พี่เขาเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเชียงดาว ทำเหล้าขาวขายแถวนี้ เลยรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปพักโฮมสเตย์บนนั้นด้วย คิดราคา 50 บ. เท่าสองแถวเลย วันนึงพี่เขาจะวิ่งรถประมาณ 3 รอบ มาถึงหน้าโลตัสตอน 8 โมงครึ่ง 11 โมง บ่ายโมงค่ะ ใครสนใจก็จดเบอร์ไว้น้า ชื่อพี่บุญ 098-783-7217, 083-318-3062
นั่งประมาณ 20 นาที พวกเราก็มาถึงทางเข้าอุทยานค่ะ
ทำการลงชื่อ ระบุโฮมสเตย์ที่จะไปพัก วันเข้า-ออก เรียบร้อย พวกเราก็ไปกันต่อ
25 นาทีต่อมา ถึง ‘บ้านระเบียงดาว’ แล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ! ระหว่างทางไปเช็คอิน ขอเม้าท์หน่อย (ใครขี้เกียจอ่านข้ามได้นะย่อหน้านี้) 4 เดือนที่แล้วเราโทรมาจองห้องพักที่นี่วันที่ 28 ตุลา 59 โอนมัดจำเรียบร้อย โทรคอนเฟิร์มเรียบร้อย อยู่ๆวันที่ 23 กันยา มีพนักงานโทรมาถามว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาประมาณกี่โมง นี่ก็งง บอกจองไว้เดือนหน้าค่ะ ไม่ใช่วันที่นี้ด้วย ไอคนโทรมาก็งงเพราะไม่ใช่คนรับจอง ไปๆมาๆให้เราคุยกับคนรับจอง สิ่งที่เขาพูดกับเราคือ ‘อะไรคะ ก็คุณจองไว้วันพรุ่งนี้ค่ะ เนี่ยจดไว้ค่ะ คุณโทรมาคอนเฟิร์มด้วยว่าวันนี้’ (เสียงแบบโวยวาย) เราก็บอก ‘ไม่ได้จองวันพรุ่งนี้ค่ะ จองวันที่ 29 เดือนหน้า’ เราไม่มีเหตุผลที่ต้องจอง 24 กันยาเว่ย ตั๋วเครื่องบินก็จองไว้เดือนตุลา บ้านป่าบงเปียงก็จองไว้ 29 ตุลา.. คุยกันสักพัก หาข้อสรุปไม่ได้ พนักงานเลยบอกว่างั้นวันที่ 28 ก็ walk in มาเลยค่ะ ถ้ามีห้องว่างก็ได้นอน ถ้าไม่มีเดี๋ยวให้ไปนอนโฮมสเตย์รอบๆ เราก็ถามว่าแล้วถ้าวันนั้นโฮมสเตย์รอบๆก็เต็มเราจะทำไง เขาบอกไม่เต็มค่ะ มีหลายเจ้า แล้ววางไป หลังจากนั้นเราโทรไปแทบจะวันเว้นวัน ไม่เคยติดเลย พอใกล้วันก็ทำใจและ เอาวะ ถึงไม่ได้นอนก็ต้องไปทวงความถูกต้อง ฮ่าๆ โชคดีวันที่เราไปมีกลุ่มนึงบอกจะมา 8 คน แต่วันจริงมา 5 คน ไม่มีอะไรจะรีแอคค่ะนอกจากตะโกนว่ะ เยส !!! (ประมาณ 8 รอบ)
จ่ายเงินส่วนที่เหลือเรียบร้อย แอดมินตัวน้อยก็ทำการสำรวจบ้านระเบียงดาว.. เริ่มจากจุดชมวิว / ส่วนกลางก่อนเลย ตรงนี้แหละที่คนเขาอัพรูปลงโซเชียลกันเยอะๆ มองไปเป็นหมอกที่แทรกตัวอยู่ทั่วภูเขา ไม่ต้องพักที่นี่ก็มาถ่ายรูปตรงนี้ได้ แค่สั่งอาหาร เครื่องดื่มของที่นี่ รู้สึกจะมีแค่เมนูง่ายๆอย่างข้าวกะเพรา ข้าวผัด ผัดผัก ไข่ดาว ไข่เจียว แต่จุดนี้กินอะไรก็อร่อยหมดแหละ <3
มีที่นั่งไม่มาก เพื่อรักษาความสงบให้คนที่มาพักค่ะ
เริ่มหิวแล้วขอสั่งชาเขียวมารองท้องซะหน่อย ราคา 50 บ. แก้วใหญ่กว่าที่คิด
ใครอยากจิบแก้หิวน้ำ แนะนำ 2 คน กินแก้วเดียวก็ได้จ้า
ไอพวกนี้นี่ใช้ไม่ได้เลยนะ นิสัยไม่ดี ชอบยุให้คนเขาทะเลาะกัน..
ห้องน้ำส่วนกลางก็สะอาดใช้ได้ค่ะ มีสายฉีดด้วย เย้
ไหนมาดูห้องเรามั่งซิ
วิมานหลังน้อยๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ ไม่มีของตั้งโชว์ชิคๆ
มีแค่เสื่อปูเล่นตรงระเบียง ผ้าห่ม หมอนมุ้ง แต่ทำไมมันรู้สึกพอดีอย่างนี้ โอ๊ย เลิฟ (:
จากที่กะนอนพักแป๊ปเดียวก็เลยเถิดไปครึ่งชั่วโมง ทำไงได้ อากาศมันดี
ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่กรุงเทพฯด้วย ไป ! หาข้าวกินกันนนนน
เดินลงเขาไปนิดหน่อยก็จะเจอบ้านของชาวบ้านแถวนั้น กับ ร้านตามสั่งป้าตุ๊ดตู่
ทีแรกเห็นป้ายแปะหน้าร้านว่า ‘ร้านอาหารตามสั่งป้าตุ๊ดตู่ ตรงไป 40 เมตร’ เลยถามป้าว่าร้านป้ามี 2 สาขาหรอคะ
คำตอบที่ได้คือไม่มี๊ มีร้านนี้ร้านเดียว.. อ้าว แล้วป้ายนี้คือไรอ่ะป้า.. ความเงียบเข้าครอบงำ สั่งอาหารดีกว่าเนอะ ! หนูเอาข้าวกะเพราหมู 1 ลาบหมู 1 ข้าวเหนียว 1 ค่ะ
มาแล้วววววววว หอมจัง.. หมดนี่ 145 บ. ค่ะ
พวกเรากินไปคุยไป ไม่รีบๆๆ เพราะอยากเก็บบรรยากาศตอนนี้ให้มากที่สุด
ลืมบอกไปที่นี่ไม่มีสัญญาณ wifi และไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ (เราใช้ทรูคือไม่มีเลย)
ถือว่าได้มาพักผ่อนจริงๆ ใครแบกคอมมาทำงานก็ซวยไปค่ะ5555
จากร้านป้าตุ๊ดตู่มองขึ้นไปเห็นโฮมสเตย์หลายหลังเลยยย
หนึ่งในนั้นคือบ้านระเบียงดาวของเรา
เอ้อเกือบลืมให้เบอร์ติดต่อ งั้นให้ไว้หลายๆที่เลยแล้วกันเนอะ
+ บ้านระเบียงดาว : 089-998-0712, 089-903-0083
+ บ้านวิวดอยหลวง : 089-559-8272
+ บ้านสายหมอก : 090-760-8819
+ บ้านหมอกตะวัน : 096-959-9683
+ บ้านลีซู : 091-724-7536, 092-814-4996
** คำเตือน ! ถ้าจะไปช่วงต.ค. – ม.ค. หรือวันเสาร์-อาทิตย์ แนะนำจองล่วงหน้านานๆ เกิน 2 เดือนได้ยิ่งดีค่ะ โฮมสเตย์เหล่านี้ไม่ใช่เล่นๆนะ ฮอตฮิตมาก ตอนไปก็เห็นพนักงานรับสายท้างงงงงงงงงวัน **
นี่คือวิวตรงเนินเขาที่ลงจากร้านอาหารไปอีกค่ะ
พวกเรากินเสร็จเลยเดินย่อย แต่ต้องระวังอย่าไปเหยียบผักที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ล่ะ
ที่สำคัญจะเข้าบริเวณนี้ต้องได้รับอนุญาตจากชาวบ้านตรงนั้นก่อนนะ
ห้ามแอบเข้า เข้าใจ๊ ?
เดินดูบ้านพักหลังอื่นๆของบ้านระเบียงดาว รอชาร์จแบตกล้องตรงส่วนกลาง
แล้วเราก็เข้าไปงีบอย่างจริงจังในวิมานของเราค่ะ คร่อกZzZz
4 โมงครึ่งพวกเราตื่นมาอาบน้ำ เพราะ 5 โมงเย็นจะมีคนเอาข้าวมาส่งค่ะ
ชิงอาบก่อน ไม่งั้นอาบตอนค่ำหนาวตาย + มองไม่เห็น ฮ่าๆ
กลิ่นนี่หอมมาเลยยยย ผักก็สดและสีสวยมาก ถ้าเราสูดอากาศ + กินข้าวแบบนี้ทุกวัน สุขภาพต้องดีแน่นอน
กินข้าวเสร็จ ยุงเริ่มมาค่ะ วันนี้หมอกเยอะไม่เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย งั้นเรารีบเข้าห้อง กางมุ้งดีกว่า
ถ้ากลัวเบื่อ กลัวนอนไม่หลับจะโหลดหนัง / เอาหนังสือมาก็ได้ไม่ว่ากัน ส่วนเรา โหลด ‘เทยเที่ยวไทย’ มา 2 ตอน หึหึ
ใครที่ชอบนอนสบายๆ เลือกเตียง เลือกหมอนอาจจะนอนไม่ค่อยหลับ แต่สำหรับเรา หลับยาววววววววววววววว ค่ะ แอบตื่นมานิดนึงตอนตี 4 ครึ่งเพราะฝนตกหนักมากกกกกกกกก 6 โมงครึ่งลุกขึ้นมาก็ยังตกอยู่ เปิดห้องมานี่ไม่เห็นภูเขาเลย หมอกหนามากค่ะ ! ไปๆๆๆๆ ล้างหน้าแปรงฟัน ข้าวเช้ามาเสิร์ฟตอน 7 โมงไอหนู
มื้อนี้เป็นข้าวต้มหมูร้อนๆ เครื่องดื่มเลือกระหว่างโอวัลติน ชา กาแฟ หรือจะเหมาก็ได้ไม่ว่ากัน
เราเลือกโอวัลติน เพราะอากาศแบบนี้ทำให้โอวัลตินแก้วนี้อร่อยที่ซู้ดดดดดดเลย (:
8 โมงพวกเราโบกมือบ๊ายบายบ้านระเบียงดาว แล้วไปรอพี่บุญ(รถเมื่อวาน) มารับไปส่งที่สถานีขนส่งแถวโลตัสเชียงดาวค่ะ ความจริงพี่บุญก็มาถึง 8 โมง 5-10 นาทีเนี่ยแหละ แต่ที่ต้องออกเกือบ 9 โมงเพราะรอคนที่พักโฮมสเตย์อื่นมาสาย หึ้ย ! -,.-
ไปถึงขนส่งแล้วก็ถามพนักงานให้ชัวร์นิดนึงค่ะว่าคันไหนไปตัวเมืองเชียงใหม่ ถ้าขึ้นผิดไปท่าตอนนี่รู้เรื่องแน่นอนนน พวกเรานั่งไปลงที่ขนส่งช้างเผือก(อีกแล้ว) ด้วยราคา 50 บ. (ทำไมแพงกว่าขามาก็ไม่รู้) พอถึงแล้วก็หาข้าวเที่ยงแถวนั้น เป็นร้านข้าวหมูแดง หมูกรอบ กับ ก๋วยเตี๋ยวค่ะ เราสั่งบะหมี่แห้งหมูกรอบไป อร่อยใช้ได้เลย รวมน้ำเก๊กฮวยแล้ว โดนไป 60 บ. จ้า
เราเดินกลับมาที่ขนส่งช้างเผือกเพื่อขึ้นรถเหลืองไปอำเภอจอมทองค่ะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง บอกคนขับว่าลงตรงที่มีรถต่อไปแม่แจ่ม / ตรงข้ามร้านแว่นท๊อปเจริญก็ได้ คนละ 35 บ. เท่าน้านนนนนนนนน
นั่งฟัง Ed Sheeran จบไป 3 อัลบั้ม พวกเราก็มาถึง !!! ที่ต่อรถ..
15.30 น. รถเหลืองจอมทอง-แม่แจ่มก็เคลื่อนออกจากหน้าร้านแว่น ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงกว่าพวกเราจะไปถึงทางเข้า ‘บ้านป่าบงเปียง’ ซึ่งเป็นทางแยกออกมาจากทางไปน้ำตกแม่ปานค่ะ
จ่ายตังค์ 70 บ. พวกเราก็ตกลงกันว่าจะเอายังไง เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาหลายคนบอกว่าจากตรงนี้พวกเราสามารถโบกรถเข้าไปที่บ้านป่าบงเปียงหรือจะโทรให้เจ้าของบ้านที่เราพักมารับก็ได้ ซึ่งเราเลือกอย่างหลัง แต่ไม่มีใครบอกหนิว่าต้องเสียเงิน แงงงงงงง ค่าบริการรถรับ-ส่ง ทางเข้า-บ้านป่าบงเปียง 700 บ. (หารกันคนละ 350 บ.) ถึงจะมีระยะทางแค่ 2 กิโลเมตร แต่ทางมันขรุขระ สมบุกสมบันม๊ากกกกกกก งานกระแทก งานระบมมาอีกแล้วค่ะ กว่าจะถึงบ้าน แต่ก็คุ้มสุดเพราะได้เห็นวิวนี้ *O*
เกือบลืมบอกไป เราพัก ‘บ้านพี่ศรชัย’ นะ มี 2 หลังอยู่กลางทุ่งนาเลย ตอนเราไปมีคนจองหลังขวาไว้แล้ว เราเลยได้หลังซ้าย โฮมสเตย์ที่นี่ต่างจากโฮมสเตย์ในอุทยานแห่งชาติเชียงดาวตรงที่ ชาวบ้านคนนึงจะมีโฮมสเตย์แค่ 1-2 หลัง ทำให้ที่นี่สงบ ไม่มีหลังคามาบังวิว และ ไม่มีอะไรมาทำลายธรรมชาติมากค่ะ ใครอยากมาเห็นทุ่งนาสีเขียวขจีให้มาเดือนกันยา-ตุลา อย่างเราไปปลายตุลานาก็เริ่มเป็นสีทองแล้ว ส่วนช่วงธันวานี่จะไม่ค่อยมีแล้วค่ะ เขาเกี่ยวข้าวไปขายกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นใครสนใจ แนะนำจองล่วงหน้านานนานนนนนนน จองเถอะ มันคือการใช้เงินห้าร้อยบาทที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว อันนี้เบอร์พี่ศรชัยค่ะ 093-972-2575 ส่วนเบอร์โทรของบ้านอื่นๆเพื่อนๆสามารถดูได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ >> http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/papongpieng.html
วิวจากบ้านเราคือดี
กว่าจะไปถึงก็เกือบ 5 โมง (วันนี้เดินทางทั้งวัน) ยังเก็บของไม่ทันเสร็จ อาหารเย็นก็มาส่งแล้ว
พวกเราตัดสินใจออกไปเดินเล่นถ่ายรูปก่อน เพราะแดดกำลังดี ทุ่งนาตอนนี้เป็นสีเขียว-ทองมาก
ขอบคุณท้องฟ้าที่เป็นใจนะคะ <3
แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ บ้านป่าบงเปียงก็ดูอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
ตอนนั้นรู้สึกตัวเองโชคดีที่สุดเลยที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ ในช่วงที่กำลังเหนื่อยกับงาน
มันเหมือนได้เติมพลังชีวิต ยิ่งที่นี่เป็นที่ที่อยากมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มันยิ่งรู้สึกดีขี้นไปอีกกก
ถึงพี่ศรชัยจะบอกว่า ‘ผมก็ไม่รู้สวยตรงไหนอ่ะเนอะ เราก็เห็นมันทุกวัน ผมเป็นคนพูดตรง ผมว่ามันก็เฉยๆ’
แต่สำหรับคนที่อยู่คอนโด เจอรถติดทุกวันแบบหนู บ้านพี่สวยมากนะ ให้มาอีกหนูก็มา :’)
พวกเรารีบกลับเข้าห้อง อาบน้ำ ก่อนที่แสงจะหมด เพราะถึงจะมีตะเกียง ตอนกลางคืนมันก็ยังมืดอยู่ดี
ข้าวเย็นวันนี้เป็นหมูทอด ยำปลากระป๋อง กับแกงฟักอะไรสักอย่าง อร่อยถูกปากพวกเราค่ะ
จุดเทียน กางมุ้ง ฉีดยากันยุงเรียบร้อย พวกเราก็ดู ‘เทยเที่ยวไทย’ ที่วันนี้โหลดมาเพิ่มตอนอยู่ในเมืองเชียงใหม่ (อย่าว่ากันเลย รายการโปรดน่ะ) แป๊ปๆจบไป 2 ตอน แต่คืนนี้หลับง่ายหน่อยเพราะว่าเหนื่อย พรุ่งนี้นัดพี่ศรชัยให้ไปส่งตรงปากทางตอน 9 โมง เพราะรถเหลืองที่ไปจอมทองจะมาตอน 9.40 น. อย่าตื่นสายล่ะ : p (มีอีก 2 รอบตอน 8.30 น. 12.40 น. โดยประมาณ)
.
.
.
เสียงกุกกักกุกกักกุกกัก ตื่นตอนข้าวมาส่งอีกแล้วเรา
จุดนี้คือมองไม่เห็นข้าวเลยค่ะ เห็นแต่วิวหมอกกับทุ่งนาสวยๆ :3
อ่ะ เดี๋ยวข้าวจะน้อยใจ หันมามองมันหน่อย
เช้านี้มีไข่เจียว ผัดลูกชิ้น กับ แตงกวาผัดไส้กรอกค่ะ
เสียดายที่นี่ไม่มีโอวัลติน มีน้ำร้อนกับกาแฟ เลือกเอาแล้วกันน้า
กินเสร็จ เก็บของ แล้วหันไปบอกลาบ้านพี่ศรชัยหนึ่งที.. แง ไม่อยากกลับบบบบบบบบบบบบบ (พี่ศรชัยบอกว่าถ้ามาหน้าร้อนจะพาไปเที่ยวน้ำตก + ขี่ช้าง ใครพลาดหน้านี้ หน้าร้อนยังมีเด้อ)
ไปจริงแล้วน้า..
พี่ศรชัยส่งพวกเราถึงปากทางเข้าบ้านป่าบงเปียงตอน 9.25 น. ทีแรกเราก็กะรอรถเหลืองมาตอน 9.40 น. อ่ะแหละ แต่ดันเจอคนไทย 2 คน เขาโบกรถไปจอมทองพอดี เขาเลยชวนให้ติดรถไปด้วยกัน ไปสิคะรอไร ของฟรี ฮ่าๆ จากอำเภอจอมทอง พวกเราต่อสองแถวเข้าเมืองคนละ 35 บ. ค่ะ ไปเที่ยวนิมมานกันต่อ ไหนๆก็กลับดึกละ เริ่มด้วยข้าวเที่ยงก่อนเลยหิวแล้ว มื้อนี้พวกเราฝากท้องไว้ที่ ‘ร้านหมอคูซีน’ ถ่ายมารูปเดียวเพราะแบตกล้องหมด อ่ะงั้นฝากชาร์จเลยแล้วกัน.. (ค่าใช้จ่ายต่อจากนี้ไม่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายโดยจำเป็นที่เขียนไว้ย่อหน้าแรก)
ของคาวไปแล้วเรามาต่อกันที่ของหวานค่ะ ร้านนี้เพิ่งเปิดไม่นาน เป็นร้านเล็กๆอยู่ระหว่างซอย 3 กับ ซอย 5 ชื่อ ‘Wella’s’ หาไม่ยากเลย อยู่ติดกับ / แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของร้าน Ristr8to Lab แล้ว (แซววววววววว)
เราสั่งไปสองอย่างค่ะ อันดำๆเป็น signature ของร้านนี้ อีกอันเป็นวาฟเฟิลรสนม หอม อร่อยม๊ากกกกก !
ของคาวไปแล้ว ของหวานไปแล้ว ต่อไป ช้อปปิ้งค่ะ !
พวกเราออกจากนิมมานประมาณบ่ายสาม นั่งรถไปที่ร้าน ‘Jibberish homemade zakka shop’
เป็นร้านขายของแฮนด์เมด มีเสื้อ + กระเป๋าผ้ามัดย้อมน่ารักๆ
ร้านอยู่เส้นเชียงใหม่หางดง ใกล้กับพืชสวนโลก
ใครอยากด้ข้อมูลเพิ่มเติมดูในเพจร้านเลยน้า >> https://www.facebook.com/jibberish.shop/
ร้านน่าร้ากกกกก รู้สึกได้เลยว่าเขาใส่ใจเรื่องการตกแต่งทุกรายละเอียด
นั่งรถมาขนาดนี้จะมาดูอย่างเดียวไม่ด๊ายยยย อุดหนุนกระเป๋าผ้าเขาสักใบค่ะ
เผลอแป๊ปเดียว 6 โมงแล้ว พวกเรากลับไฟล์ท 3 ทุ่ม ก็ควรออกแล้วเนอะ ร้านนี้กับสนามบินห่างกันประมาณ 10 กิโลค่ะ ตอนแรกกะเดินไปตรงถนนใหญ่แล้วขึ้นรถแดง แต่เดินยังไม่ทันถึงถนนใหญ่ก็หอบซะแล้ว โบกรถซะหน่อยๆๆๆ ดันเจอคันที่ผ่านสนามบินเข้าให้ ถึงที่หมายปลอดภัยแบบไม่เสียตังค์เลยจ้า
ถึงทริปนี้จะต่อรถเยอะหน่อย แต่เราก็มีความสุขมากค่ะ
ได้สูดอากาศดีๆ ตื่นมาเจอวิวดีๆ กินอาหารสะอาดๆ
แค่นี้ก็มีแรงกลับไปลุยงานต่อที่กรุงเทพฯแล้ว หัวใจแข็งแรงขึ้นเยอะ
อย่างว่า เชียงใหม่เที่ยวยังไงก็ไม่หมด
เอาเป็นว่าเราเจอกันอีกแน่นอนจังหวัดนี้
ติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้ที่ http://www.blissoutthere.com/ หรือ https://www.facebook.com/BlissOutThere/ ค่ะ ตอนนี้เราเพิ่งเรียนจบ อยู่ในช่วงขอแม่เดินทางติดกัน 6 เดือน (ทำฟรีแล๊นซ์ไปด้วย) ทริปนี้ก็ถือเป็นทริปที่ 3 แล้ว ทริปต่อไปจะเป็นยังไงห้ามพลาดน้า เที่ยวไปด้วยกันนนนนน ใครมีความฝันก็ออกมาเที่ยว ใครมีความสุขที่จะเที่ยวก็เที่ยว ชีวิตเป็นของเราค่ะ เย้ (:
Comments
comments