ใครว่าไปแคมป์ปิ้งจะสะดวกสบายไม่ได้ ต้องลองมาพักที่นี่แล้วแหละ..
เดาว่าหลายคนคงเคยเห็น ‘หินตกริเวอร์แคมป์’ ในโลกโซเชียลมาแล้ว (ก็เล่นดีงามซะขนาดนั้น ใครจะอดใจไม่แชร์ไหว) วันนี้ขอเป็นอีกเสียงนึงที่ยืนยันค่ะว่า #มันดีจริงๆ #มันต้องมาโดนสักครั้ง ใครว่าแคมป์ปิ้งกับความสะดวกสบายไปพร้อมกันไม่ได้ เราขอเถียง ! บรรยากาศของที่นี่จะดีขนาดไหน ต้องเดินทางยังไง เสียเงินเท่าไหร่ แล้วจะได้อะไรบ้าง ข้อมูลทั้งหมดรวมอยู่ในรีวิวนี้แล้ว ไปชมเล้ยยยยยยยยยยย : D
วิธีการเดินทาง
มาเที่ยวไทรโยค เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกที่สุดค่ะ ! เพื่อนๆสามารถมาได้ 2 เส้นทางด้วยกัน คือ สะพานปิ่นเกล้า–พุทธมณฑล-นครชัยศรี-นครปฐม-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี-ไทรโยค หรือ บางใหญ่-บางเลน-กำแพงแสน-พนมทวน-กาญจนบุรี-ไทรโยค ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯค่ะ อันนี้พิกัด GPS เอาไปเสิร์ชกันได้เลย N 14.353383, E 98.929267 ใครไปไม่ถูกก็โทร 081-754-3898 สบ๊าย
ก่อนเข้าที่พักเราเข้าไปชม ‘พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด’ กันหน่อยเป็นไง.. พิพิธภัณฑ์นี้อยู่ในบริเวณของกองการเกษตรและสหกรณ์ กองกำลังทหารพัฒนา อำเภอไทรโยค ขับรถเลยน้ำตกไทรโยคน้อยไปประมาณ 20 กิโลเมตร ทางเข้าจะอยู่ซ้ายมือค่ะ อ้าวข้างพิพิธภัณฑ์มีร้านกาแฟคิ้วท์ๆ ไม่แวะก็ยังไงอยู่
ร้าน ‘มุมช่องเขา’ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ติดกับพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดค่ะ มีต้นไม้ล้อมรอบ มีโต๊ะ เก้าอี้ไม้ให้นั่งหลายแบบ หรือจะนั่งเล่นตรงชิงช้าข้างหน้าก็ได้ไม่ว่ากัน ร้านเปิด 9.00-16.00 น. ใครเดินดูพิพิธภัณฑ์เหนื่อยๆ มาเติมพลังที่นี่ได้นะ
เค้กหน้าตาน่ากินทุกอัน จัด red velvet ไป 1 ชิ้น 65 บ. ช็อคโกแลตปั่นอีก 1 แก้ว 60 บ.
กินเสร็จอ้วนแล้ว เอ้ย ! มีพลังแล้ว เราก็เข้าพิพิธภัณฑ์ได้..
ป้ายนี้บอกว่า ‘พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชายหญิงที่เจ็บป่วยและเสียชีวิตขณะทำการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2485 – 2488)’
ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟสายมรณะ มีทั้งนิทรรศการภาพถ่าย สไลด์ มัลติมีเดีย และ เครื่องมือเครื่องใช้ของเชลยศึกสงคราม ภายนอกเป็นเส้นทางบริเวณช่องเขาขาดหรือเส้นทางการสร้างรถไฟสู่ประเทศพม่า เพื่อนๆสามารถเข้าชมได้ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ 9.00 น. -16.00 น. ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ (แต่บริจาคได้) ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ลิงก์นี้เลย >> https://goo.gl/qgD7HO
ประวัติศาสตร์สอนเราว่า ‘สงครามนำมาซึ่งความสูญเสีย’ แต่การไปเที่ยวเนี่ย มีแต่ได้กับได้… ผิด ! เราเข้าที่พักกันดีกว่า จากพิพิธภัณฑ์ขับมาอีกประมาณ 15 นาทีก็ถึง ‘หินตกริเวอร์แคมป์’ แล้ว วู้ววว
เช็คอินเรียบร้อย ก็ได้เวลาสำรวจห้องพักค่ะ ที่นี่ตกแต่งสไตล์แอฟริกันซาฟารี ทุกห้องเป็นเต็นท์ผ้าแคนวาส มีเครื่องปรับอากาศ ระเบียงและห้องน้ำส่วนตัว ราคารวมอาหารเช้า-เย็น อยู่ที่ 4,113 บ. / 1 ห้อง / 1 คืน ส่วนราคารวมอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น อยู่ที่ 4,768 บ. / 1 ห้อง / 1 คืน ของเราเป็นแบบรวมอาหาร 3 มื้อ อร่อยและให้เยอะทุกมื้อเลย ดูรูปในรีวิวเอานะ ป.ล. จอง 3คืนขึ้นไปหรือจองล่วงหน้า 1เดือน ราคาต่อคืนจะถูกลง ข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บนี้เลย >> https://www.hintokrivercamp.com/th/
โอ๊ย สีคุมโทนเว่อร์ อบอุ่นเว่อร์ <3
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังเต๊นท์ค่ะ ต้องเปิดเต๊นท์ออกไป ให้ฟีลธรรมชาติๆ แต่อย่าอาบดึกนะ ยุงดุ ฮ่าๆ (ในกระจกนั่นเราเอง ห้ามแซวววววว *_*)
สำรวจห้องตัวเองแล้วก็ไปสำรวจรอบๆที่พัก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากกกก โต๊ะ เก้าอี้ ชิงชา สนามหญ้า และอื่นอื่นนนนน วันที่เราไปเป็นวันเสาร์ คนนี่แน่นเลย พี่พนักงานบอกเต็มทุกห้อง เพราะฉะนั้นใครสนใจ จองล่วงหน้าไว้ก็จะดีมาก
และนี่คือห้องอาหารที่เราต้องมาทานอาหารเช้า-กลางวัน (ตอนเย็นทานที่สนามหญ้าชิคๆ) เขาให้ทานอาหารกลางวันได้ถึงบ่ายสาม ตอนนี้บ่ายสองแล้ว จะรอไรล่ะคร้าบบบบบ นั่งๆๆๆๆ
ที่พักจะจัดอาหารให้เป็นชุดค่ะ ชุดหนึ่งมีกับข้าว 4-5 อย่าง แล้วกินกัน 2 คน… อร่อยนะ แต่กินหมดก็บ้าแล้ว T___T
อาหารเริ่มย่อยแล้ว เราไปแช่บ่อน้ำธรรมชาติของที่นี่กันค่ะ ทางลงไปบ่อน้ำอยู่หลังห้องอาหารน้า
อือหือออออออออออออ ที่ดีย์
แช่แล้วสดชื่น หายเหนื่อยมาก ! ใครยังไม่จุใจจะลงไปว่ายน้ำตรงท่าเรือก็ได้ แต่อย่าออกนอกบริเวณที่ที่พักเอาเชือกกันไว้นะ เดี๋ยวน้ำพัดไปไกลล่ะรู้เรื่อง (ไม่ได้ถ่ายรูปตอนแช่น้ำไว้ แต่มันดีมากจริงๆคอนเฟิร์ม)
กลับห้องพักอาบน้ำ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เผลอแป๊ปเดียวได้เวลามื้อเย็นรอบกองไฟแล้วจ้า
หาที่นั่งก่อนเลยคนเริ่มเยอะแล้ววววววว
เพื่อนๆสามารถเดินตักอาหารได้ตามใจมีทั้งกับข้าว ส้มตำ ผัดไทย ของหวาน ผลไม้ แต่ไฮไลท์อยู่ที่บาบีคิวค่ะ !
ไม่ได้บรรยากาศดีอย่างเดียว อาหารเขาก็อร่อย ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีดนตรีสด เพลงแบบคันทรีๆหน่อยจะดีมาก แต่เท่านี้ก็เลิฟแล้ว
หินตกริเวอร์แคมป์เป็นอีกที่ที่ชาวต่างชาติมาพักเยอะมากค่ะ พนักงานนี่พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่อง สำเนียงอย่างดี
มีการชวนเด็กๆฝรั่งไปปิ้งมาร์ชเมลโล่ด้วย น่าร้ากกกกกกก
เป็นวันที่อิ่มความสุขมากมาก ถึงตอนกลางคืนจะไม่มีทีวีดูก็ไม่เป็นไรเลย เพราะรู้สึกวันนี้มันสุขพอแล้ว รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นมาปั่นจักรยานไปไหว้พระที่ ‘วัดหาดงิ้ว’ กู๊ดไนท์.
อ้าวตื่นๆๆๆๆๆ 6 โมงกว่าแล้ววววววว อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พวกเราก็คว้าจักรยานที่อยู่ตรงทางเข้าที่พักแล้วปั่นออกไปเล้ยยยยยยย (ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม) จากที่พักให้ปั่นย้อนขึ้นไปทางขวามือประมาณ 2 กิโลเมตร พอถึงแยกที่มีโรงเรียนให้เลี้ยวขวา จะเจอ ‘สะพานแขวนบ้านหาดงิ้ว’ ค่า
ไปถึงแล้วก็เหมือนคนเพี้ยนอ่ะ พูดวนมันอยู่นั่นแหละ ‘โอ๊ยหมอกกกกก โอ๊ยดีอ่า โอ๊ยหมอกๆๆๆ โอ๊ยดี๊ดี’
ข้ามสะพานมาแล้วเลี้ยวขวา วัดจะอยู่ขวามือค่ะ กว่าเราจะไปถึงก็เกือบ 8 โมงแล้ว ไม่ทันตักบาตร เราเลยไหว้พระอย่างเดียว
ไหนๆก็มาแล้ว ปั่นจักรยานลงไปริมแม่น้ำ และถ่ายรูปสะพานจากด้านล่างหน่อยดีกว่า..
ตื่นมาเจออากาศดีๆแบบนี้นี่หายง่วงเลยนะ ปั่นจักรยานตอนเช้าถึงเหงื่อจะไม่ออก แต่ก็รู้สึกได้ถึงการเบิร์น พวกเรากลับไปถึงที่พักเกือบ 9 โมง ห้องอาหารเขาเปิด 7.00-9.30 น. ค่ะ รีบเลยๆๆ
วิวนี้กินไรก็อร่อย :3
มอนิ่งงงงงงงงงง
หลังจากกินข้าว พวกเราก็เดินเล่นนั่งเล่นอีกหน่อย เข้าไปเก็บของในห้องพัก แล้วเช็คเอ้าท์.. ขอบคุณ ‘หินตกริเวอร์แคมป์’ ที่ทำให้เรายิ้มไม่หยุดเลย 2วัน 1คืน เป็นการพักผ่อนที่ชิคมาก ชอบมาก ถ้ามีโอกาสก็ไปอีกอ่ะ ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามรีวิวของเรา เพื่อนๆสามารถอ่านรีวิวอื่นๆได้ที่ blissoutthere.com และ…
fb : facebook.com/BlissOutThere
ig : instagram.com/BlissOutThere
tw : twitter.com/BlissOutThere
yt : http://goo.gl/nIjDRI
: )
Comments
comments