งบหลักพัน ลาวันเดียว พาแม่เที่ยว ‘ ฮานอย ’ แบบชิคๆ!

เดือนสิงหาทั้งที ใครที่กำลังมองหากิจกรรมดีๆ

ทำร่วมกับคุณแม่ ต้องห้ามพลาดเลย :- )

แค่ 3 วัน 2 คืน ก็พาแม่ไปเที่ยวฮานอยได้แล้ว

ปักหมุดตามกันได้ เพราะเดินทางง๊ายง่าย

แค่โหลด Grab มาใช้ ก็ไปเที่ยวได้รอบเมือง

ค่าใช้จ่ายถู๊กถูก ทั้งค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก

รวมๆแล้วใช้ไปประมาณ 5,700 บาทเอ้งงง

แถมบ้านเมืองก็เท่ ร้านคาเฟ่เก๋ๆก็เยอะ!

บอกเลยว่าทริปนี้ถ่ายรูปกันสนุกสุดๆ

มีรูปคู่ให้ลงรัวๆถึงปีหน้ากันไปเล้ยยยย อิอิ

 

 

ค่าใช้จ่าย **ต่อคน** (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)

พวกค่าใช้จ่ายในทริป จะใช้หน่วยเป็น VND / ดงเวียดนามนะคะ

ตอนนี้ค่าเงินจะอยู่ที่ประมาณ 1 บ. = 740.74 VND

1. ค่า simcard 4G LTE ใช้ได้ 4 วัน 270 บ.

2. ค่าที่พัก Hanoi Malo Hotel 1 ห้อง

2 คืน 1,306 บ. ตกคนละ 653 บ.

3. ค่าเดินทางตลอดทริป 295 บ. ( เรานั่งแกรปคาร์

เป็นหลัก เพราะราคาค่อนข้างถูกและรวดเร็ว)

4. ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 55 บ.

5. ค่าคาเฟ่ 5 ร้าน 439 บ.

6. ค่าอาหาร + น้ำตลอดทริป (นอกจากคาเฟ่) 420 บ.

7. ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบิน AirAsia ไปกลับ

เชียงใหม่-ฮานอย 3,560 บ. ซึ่งราคาตั๋วจะขึ้นกับ

ช่วงเวลาที่บิน แต่จะอยู่ที่ประมาณ 3,500-4,300 บ.

—— รวม 4,216,292 VND / 5,692 บ. ——

 

ทริปนี้เราเดินทางกับ AirAsia บินตรงเชียงใหม่ – ฮานอย

จะให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน เราบินแบบ Value Pack

โหลดกระเป๋าได้ตั้ง 20 กก.  บนเครื่องก็มีอาหารอร่อยๆ

ให้ทาน แถมเลือกที่นั่งได้ในราคาสุดคุ้มอีกต่างหาก

 

 

เมนูข้าวไก่ทอดสูตรเกาหลี ยั่วๆจ่ะแม่

คืออร่อยฟิน ดีย์มากกกก หอมสุดๆๆ

เพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาเที่ยวบินไปฮานอย

เขาไปดูและจองตั๋วได้เลนที่เว็บ AirAsia

https://www.airasia.com/th/th นะค้าาาา

 

DAY 1 : Trill Bistro

 

ทริปนี้เราแลนด์ดิ้งกันตอนบ่าย 14:50 น.

และนั่งบัสสาย 86 จากสนามบิน Noi Bai

เข้าสู่ย่าน Old Quarter ซึ่งเป็นย่านใหญ่ใจกลางเมือง

ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวชาติไหน ก็จะต้องมาพักกันอยู่แถวนี้

เพราะนอกจากจะเดินทาง ไปไหนมาไหนง่ายแล้ว

ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆเพียบอีกด้วย

 

แต่ก่อนจะออกไปเดินเที่ยว หาขนมทานเล่น ทางเรา

ได้เข้าโรงแรมมาเพื่อ Check-in และเก็บกระเป๋ากันก่อน

ซึ่งโรมแรมที่เราจะพักสำหรับ 3 วัน 2 คืนนี้

มีชื่อว่า Hanoi Malo Hotel เป็นโรงแรม 3 ดาว

เป็นโรงแรมบูติกเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น

พนักงานก็ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

ตกแต่งเรียบง่าย สไตล์โมเดิร์น แถมฟรีอาหารเช้าด้วยนะ

ที่นี่มีทั้งห้องขนาดเล็กไว้รองรับนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์

และห้องขนาดใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว

 

 

บริเวณในห้องค่ะ อันนี้จะเป็นห้อง Superior Room

ห้องนี้จะค่อนข้างกว้าง มี 2 เตียง ไซส์ใหญ่กับ

ไซส์เล็ก มีเครื่องใช้ไว้อำนวยความสะดวกครบ

ทั้งตู้เย็น ไดร์เป่าผม เครื่องต้มน้ำร้อน

ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 650-1,000 ต่อคืน

สามารถ Check-in ได้ตั้งแต่บ่าย 14:00 เป็นต้นไป

และต้อง Check-out ภายในเที่ยง ถ้าใครสนใจก็

เข้าไปดูรูปภาพและรายละเอียดกันได้ที่

http://hanoimalohotel.com/en/ เลย

 

หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว

ก่อนออกไปคาเฟ่ พาแม่ไปทานข้าวทานขนมกันดีกว่า

แต่ระหว่างทางก็แวะทานอาหารโลคอลของที่นี่กัน

ชื่อว่าร้าน Viet Restaurant เป็นร้านอาหารวินเทจ

 

 

ผนังร้านว่าน่ารักแล้ว ราคาอาหารก็น่ารักไม่แพ้กัน

หลังจากที่ทานอาหารเย็นกัน ก็ถึงเวลาแล้ววว

ที่เราจะต้องหาของหวานทานกัน อิอิ

คาเฟ่ที่แรกของทริปนี้ก็คือ Trill Bistro

คาเฟ่สุดฮิป ที่วัยรุ่นฮานอยเองก็ไม่พลาด

เพราะร้านทั้งสวยและใหญ่ ถ่ายรูปมุมไหนก็เริ่ด

 

 

เดินเข้ามาแล้วข้างในจะบันไดวนเพื่อขึ้นมา

บริเวณที่นั่งชั้น 2 ของร้านอีกที

บรรยากาศข้างนอกร้านที่นี่คือละมุนมาก

มีความโรแมนติก อย่างกับในซีรีย์ เอาไว้ให้

ลูกค้าที่มา ได้มีมุมถ่ายรูปกันโดยเฉพาะ

ทางเราก็เลยจัดมุมปังๆกับคุณแม่ไปคนละรูปจ้าาา

 

 

เข้ามาด้านในของร้านกันบ้าง

การตกแต่งภายในของที่นี่จะเป็น

สไตล์โมเดิร์น ที่ผสมผสานระหว่างตะวันตก

ตะวันออก ผ่านการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์

ซึ่งนอกจากเด่นดังเรื่องกาแฟ และของหวานแล้ว

เค้ายังให้บริการสำหรับใครที่อยากมาถ่ายรูป

pre-wedding หรือจัดอีเว้นท์ด้วย

 

 

และเมนูที่ทางเราสั่งกันมาทานในค่ำวันนี้

ก็คืออออ Strawberry Cheese Cake ปั่น

ในราคา 108 บ. และเค้ก Red Velvet

ราคา 88 บ. บอกเลยว่า เค้กนุ่มมากกกก

เนื้อฟู ละเอียด รสชาติเข้มข้นกำลังดี

ไม่หวานเลี่ยนเลย ใครที่สนใจมาที่ Trill Bistro

ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 23:00 น.

ส่วนเว็บไซต์ของร้านเข้าไปดูกันได้ที่

https://www.facebook.com/trillbistro/

อิ่มกันแล้วก็ต้องกลับไปนอนเอาแรงหน่อย

พรุ่งนี้จะได้มีแรงเที่ยวเยอะๆเนอะ คริ

 

 

DAY 2 : Eden Coffee / Hanoi Street Train /

Phung Hung Street Art / Tang Tret Cosmo Cafe /

Ho Chi Minh Museum / วัดเฉินก๊วก (Chua Tran Quoc)

 

วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการมาจิบกาแฟตอนเช้าๆกัน

ที่ Eden Coffee ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักแค่นิดเดียวเอง

เดินมาไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว และความดีงามมันอยู่ที่

ระหว่างเดินไป บ้านเมืองคือเท่มาก ถนนหนทางมี

กลิ่นตะวันตก แถมบริเวณใกล้ๆคาเฟ่ มีโบสถ์

St.Joseph ที่เป็นโบสถ์เก่าแก่ คือสวยและอลัง

จนต้องแวะถ่ายรูปกันค่ะ กรี๊ดดด *O*

 

 

แล้วเราก็มาถึง Eden Coffee กันซักที ฮ่าๆๆ

ต้องเกริ่นก่อนว่าถ้าใครชอบดู Alice in Wonderland

จะต้องกดไลค์คาเฟ่นี้กันอย่างแน่นอน

 

 

Eden Coffee เป็นคาเฟ่ห้องเล็กๆติดดาดฟ้า

มีอยู่ 3 ชั้น ในร้านจะตกแต่งสไตล์อาหรับนิดๆ

สีสันสดใส เข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปอยู่ในนิทานเลย

ที่เห็นได้ชัดคือ ลวดลายของผนังที่ถูกเพ้นท์

เป็นรูปสัตว์นานาชนิด และโต๊ะกับเก้าอี้ไม้เกือบทั้งร้าน

คุณแม่ของเราก็ไม่รอช้า ถ่ายรูปส่งไปอวดทางบ้าน

อย่างรวดเร็วจ้าาาา น่าร้ากกก :3

 

 

และเมนูกาแฟขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ Hot Mocha

ในราคาแก้วละ 54 บ. เย้ยยย มันถูกมากอะแกร๊

ที่ขึ้นชื่อก็เพราะว่าเขาทำกาแฟกันสดๆ

กลิ่นก็เลยหอมมากๆ ถึงจะใส่นมก็ยังละมุน

แบบไม่หวานเกินไปอยู่ดี

 

 

ตัดภาพมาที่โซน Rooftop บ้างงงง

ชั้น 3 ของร้านนี้จะเป็นดาดฟ้าแบบโอเพ่นแอร์

มีธีมเป็นสวน ตามชื่อร้านก็คือ สวน Eden เลย

ต้นไม้จะเยอะมาก ชุ่มชื่นสุดๆ

แถมมองไปก็เห็นวิวเป็นโบสถ์ด้วย

 

 

ร้านน่ารักขนาดนี้ ใครที่มาฮานอย

ก็ต้องแวะมาแล้วแหละ ร้านนี้เปิดเวลา

08:00 – 21:00 น. ยกเว้นวันอังคารร้านปิดน้า

รายละเอียดอื่นๆ เข้าไปดูกันได้เลยที่

https://www.facebook.com/pg/edenQ7

เติมพลังตอนเช้ากันเสร็จแล้ว ก็ไปลุยต่อกันเล้ยยย

กับ Hanoi Street Train ซึ่งเราสามารถ

เดินจากคาเฟ่ไปได้เลย ใช้เวลา 10 นาทีเอง

 

 

เดินชิลล์ๆ ดูบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของคนที่นี่

แล้วก็ถ่ายรูปเล่นไปเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว

Hanoi Street Train หรือถนนรถไฟฮานอย

เป็นทางรถไฟเก่าแก่ ที่มีความกว้างของทางแค่ 1 เมตร

เท่านั้น สองข้างทางมีทั้งบ้านเรือน แล้วก็ร้านคาเฟ่

ทำให้นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ มาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ

ใครที่อยากรู้ประวัติความเป็นมาและรายละเอียดอื่นๆ

ของทางรถไฟนี้ ก็ลองตามไปอ่านต่อกันได้ที่

https://www.wheregoesrose.com/2018/08/19/a-guide-to-visiting-hanoi-train-street/

Related Post

 

 

ที่เที่ยวต่อมาที่ทางเราจะพาทุกคนไปก็คือ

Phung Hung Street Art เป็นถนนใต้รางรถไฟ

ตลอดทางยาว เต็มไปด้วยงานศิลปะที่เหล่าศิลปิน

ชาวเวียดนามและชาวเกาหลีใต้ มารวมกันเพื่อวาดภาพ

เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเวียดนามลงบนกำแพง

ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวด้วย

รายละเอียดของ Street Art ที่นี่ รวมถึงวิธีการเดินทาง

เพื่อนๆลองเข้าไปดูที่เว็บนี้กันน้า

https://travelingbytes.com/phung-hung-street-art-brings-back-memories-of-hanoi/

 

เดินเล่นถ่ายรูปกันจนเมื่อยแล้วก็ไปนั่งพักชิลๆ

กินเค้กกรุบกริบ จิบน้ำปั่นตอนบ่ายๆกันดีกว่า

ทางเราเรียกแกรปคาร์ไปลงที่ร้าน

Tang Tret Cosmo Cafe นั่งไปประมาณ 5 นาที

ก็ถึงแล้ว เร็วมากเว่อร์ Tang Tret Cosmo Cafe

เป็นคาเฟ่แบบบ้านๆ ที่รีโนเวทมาจากอาคาร

สไตล์ฝรั่งเศส ออกแนว Funky หน่อยๆ ย้อนยุคนิดๆ

ตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองเป็นหลัก กาแฟของที่นี่

เป็นกาแฟ Arabica 100% นอกจากจะดังเรื่อง

กาแฟแล้ว เมนูน้ำผลไม้ปั่นก็แนะนำเหมือนกันนน

 

 

ทางเราเลยลองสั่ง เมนู Banana Smootie

ในราคา 66 บ. มาชิมคู่กับ Authentic Tiramisu

ราคา 66 บ. เท่ากันไปอี๊กกก แกรรร ขอหวีดนิดนึง

คือมันเข้ากันมาก ทานคู่กันแล้วสดชื่น ตื่นเลย

รู้สึกเหมือนได้รับพลัง ฮ่าๆๆ ใครที่อยากทาน

ขนมอร่อยๆ ก็ลองมาที่นี่ดูเน้อ เค้าเปิดทุกวัน

เวลา 08:00 – 22:30 น. เลย นี่เว็บไซต์เค้านะ

https://www.facebook.com/pg/tangtretcosmo

 

 

สถานที่ต่อมาที่จะไปชิค ไปแชะ กันก็คือ

Ho Chi Minh Museum เป็นพิพิธภัณฑ์

ขนาดใหญ่บิ๊กบึ้ม ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง

โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ซึ่งมีการจัดแสดง

นิทรรศการประวัติการปฏิวัติของโฮจิมินห์

โดยรวบรวมไว้เป็นภาพวาดกว่า 3000 ภาพ

แล้วก็โบราณวัตถุอีกเยอะแยะมากมาย

ที่นี่เปิดทุกวัน วันละสองช่วงเวลา คือ

08:00 – 12:00 และ 14:00 – 16:30 น.

ยกเว้นวันจันทร์กับวันศุกร์ ที่จะเปิดแค่ช่วงเช้า

ส่วนค่าเข้าจะเสียคนละ 54 บ. น้าา แต่ถ้าอยากรู้

ข้อมูลแบบละเอียดๆของที่นี่ก่อน ก็ลองดูได้ที่

https://www.vietnamonline.com/attraction/ho-chi-minh-museum.html

 

 

เริ่มเย็นแล้ว ไปดูพระอาทิตย์ตกที่วัดชื่อดัง

ริมทะเลสาบกันดีกว่า ทางเราเดินทางกัน

โดยใช้แกรปคาร์เหมือนเดิม เพราะมันเวิร์คสุดด

นั่งรถไปแค่ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วจ้า

 

แล้วนี่ก็คืออออ เจดีย์วัดเฉินก๊วก (Chua Tran Quoc)

วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยที่เมืองฮานอยถูกสร้าง

วิวรอบข้างเป็นทะเลสาบตะวันตก ส่วนภายในวัด

จะค่อนข้างสงบ รอบๆตัววัดก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่

ที่ให้ความร่มรื่นอย่างมากกก สิ่งที่โดดเด่นที่สุด

ของวัดเฉินก๊วก คือเจดีย์ทรงสูงสีแดง

 

 

อย่างภาพนี้คือถ่ายจากบริเวณหน้าประตูวัด

มองออกไปเห็นเมืองฮานอยอยู่ไม่ไกลนัก

ช่วงพระอาทิตย์ตกคือสวยมากๆ

คุณแม่เป็นปลื้มไปเลยกับวิวร้อยล้านที่นี่ <3

ถ้าอยากมาตามรอยล่ะก็ วัดเฉินก๊วกจะเปิด

ให้เข้าทุกวัน แค่วันละสองช่วงคือ 07:30 – 11:30

กับช่วง 13:30 – 18:30 เท่านั้นน้า เข้าฟรีด้วยเด้อออ

รายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับวัดเข้าไปดูได้ที่

https://north-vietnam.com/tran-quoc-pagoda-hanoi/ ค่าา

 

 

ก่อนกลับโรงแรมทางเราได้แวะมาทานอาหารเย็น

ที่ร้าน Bun cha dac kim ร้านอาหารเวียดนาม

ชื่อดังของที่นี่ ที่อยู่ในตึกแถวห้องเดียว

เมนูเด็ดของเค้าคือ Bun cha and Spring roll

ในราคา 122 บ. เป็นหมูทอดในน้ำซุปที่เสิร์ฟ

พร้อมกับปอเปี๊ยะทอด ทานกับขนมจีนและผักดอง

ซึ่งให้เยอะมากกก เซ็ตเดียว ทาน 2 คนได้สบาย

 

ใครที่ไม่เคยทาน ก็มาลองกันได้ที่ร้านนี้เลย

ทานง่าย รสชาติอร่อยด้วย Bun cha dac kim

เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:30 น. ข้อมูลเพิ่มเติม

ดูได้ที่ https://www.tripadvisor.com/ShowUserReviews-g293924-d1123432-r153428625-Bun_Cha_Nem_Cua_Be_Dac_Kim-Hanoi.html เลยจ้า

 

 

DAY 3 : The Note Coffee / Cang Tin Cafe / ย่าน Hoan Kiem

 

เช้านี้ทางเราพาคุณแม่ไปจิบกาแฟ

และทานอาหารเช้ากันที่คาเฟ่สุดคิ้วท์

The Note Coffee นั่นเองงงง

 

 

คาเฟ่น้องใหม่ ภายในร้านเค้าตกแต่งได้

มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้

Post-it ที่มีข้อความ ภาษาต่างๆติดไว้ทั่วร้าน

แบบเต็ม แน่น ทั้งบนผนัง โต๊ะ และเก้าอี้

เรียกได้ว่า ไปสุดทางในความน่ารักจริงๆ

ซึ่งถ้าลูกค้าอยากมีส่วนร่วมในการเขียน

ข้อความ ก็สามารถทำได้ เพราะบนโต๊ะทุกตัว

ในร้าน เค้าจะเตรียมกระดาษ และปากกาสีๆ

ไว้ให้พร้อมอยู่แล้ววววววว <3

 

 

นอกจากเรื่องดีไซน์ เมนูอาหารเช้าและเครื่องดื่ม

ก็ดีงามเช่นกัน เราเลยสั่งเมนู Bread with pork

มาทานรองท้องในราคา 41 บ. และ Lemon Smootie

ราคา 61 บ. ซึ่งพอเทียบกับขนาดขนมปังกับหมูแดง

ที่เยอะขนาดนี้ คือมันถูกมากกกแม่!!

ใครที่มาเที่ยวฮานอย ขอแนะนำที่นี่เลย

มันควรค่าจริงๆ รับรองว่ามีรูปลงได้ไม่ซ้ำใครแน่

ร้านนี้เปิดทุกวัน เวลา 06:30 – 23:00 น.

สำหรับเพจของร้านเข้าไปดูกันได้เลยที่

https://www.facebook.com/TheNoteCoffee/

 

 

ทานอาหารเช้ากันไปแล้ว ยังเหลือคาเฟ่ชิคๆ

ที่น่าไปอีกเต็มไปหมด จะไม่ไปก็น่าเสียดาย

ทางเราเลยจัดให้ไปอีกหนึ่งคาเฟ่

ที่เป็น Hidden Gem ของที่ฮานอย

โดยนั่งรถไปแค่ประมาณ 15 นาทีเอง

 

 

ในที่สุดเราก็มาถึง Cang Tin Cafe กันแล้วววว

คาเฟ่นี้เป็นคาเฟ่ เงียบๆ ตกแต่งเรียบง่าย

ประดับด้วยต้นไม้รอบรั้ว และใช้โต๊ะกับเก้าอี้

แบบเตี้ย สไตล์จีนย้อนยุค จะอยู่ไกลจาก

ย่านดังอย่าง Old Quarter นิดนึง

ทางร้านเล่าให้ฟังว่า ลูกค้าส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น

บางโอกาสที่ร้านก็จะอีเว้นท์ เปิดร้าน

ให้เหล่านักเรียนศิลปะมาแชร์งานศิลป์กัน

ถ้าอยากมาลอง ที่นี่เปิดทุกวัน 08:00 – 22:15 น.

เข้าไปดูรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/cangtincaphe/ เลยจ้า

 

 

ก่อนจะกลับบ้านกัน ทางเราได้พาคุณแม่

ไปเดินเล่น ถ่ายรูปทานอาหาร Street Food

แล้วก็ช็อปปิ้งของฝากกันที่ย่าน Hoan Kiem

ซึ่งเป็นย่านค้าขาย ขนาดใหญ่ อยู่ติดกับ

ทะเลสาบ Hoan Kiem มีร้านอาหารข้างทาง

ให้เลือกทานเยอะแยะมากมาย เลยจัดไปกับ

ร้านก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม เมนู Beef Noodle

ในราคาแค่ชามละ 54 บ. เค้าให้เนื้อล้นเว่อร์

คือชามเดียวต้องทาน 2 คน อ่ะ :- D

 

 

พอทานเสร็จก็ถึงเวลาไปช็อปปิ้งที่ร้านขายของฝาก

จุ๊กจิ๊กน่ารัก ที่มีเป็นสิบๆร้านติดกันตลอดทาง

เลือกของกันยาวๆไปค่าาา อิ_อิ

 

 

เผลอแป๊บเดียว ก็จบไปแล้ววววกับทริปฮานอย

3 วัน 2 คืน ผ่านไปเร็วมากกก อยากอยู่นานๆกว่านี้อีก

แต่ขอบอกเลยว่าถึงเวลาจะน้อย ก็พาแม่เที่ยวแบบจัดเต็มได้อยู่

คุ้มค่าสุดๆ ทั้งคาเฟ่ชิคๆ แลนด์มาร์กดังๆ ถนนหนทางในเมือง

ค่าใช้จ่ายทั้งทริปใช้ไปแค่ประมาณ 5,700 บาทเอง

บอกเลยว่า พาแม่เที่ยวต่างประเทศเก๋ๆได้สบ๊ายยย

ถ่ายรูปกันสนุกสนานแน่นอนนนน

 

 

สุดท้ายนี้ ฝากติดตามรีวิวท่องเที่ยวทั้งหมด

ที่ http://blissoutthere.com/

กด like เพจ Bliss Out There แล้วกด See First

ที่ https://www.facebook.com/BlissOutThere/

แล้วเจอกันทริปหน้าน้าาาา เยิฟ <3

 

Comments

comments