เที่ยว “ออสเตรเลีย” ใช้เงินไม่เยอะอย่างที่คิด
ใช่ค่ะ.. ทุกคนอ่านไม่ผิด… ปิงใช้ไปไม่ถึงหมื่น!
โดยปิงเริ่มเดินทางจากเมืองซิดนีย์ ในรัฐ NSW ค่ะ
ใครเดินทางจากที่ไทย ก็บวกค่าตั๋ว ค่าวีซ่าเข้าไป
นั่น! อย่าเพิ่งกดออก! เพราะค่าตั๋วกับค่าวีซ่า
ไม่ได้เยอะอย่างที่คิดค่ะ ถ้าจองล่วงหน้าหลายๆเดือน
ค่าตั๋วไม่ถึงสองหมื่นนะจะบอกให้ ปี 2020 เป็นปีที่
น่ามาเที่ยวออสเตรเลียที่สุดแล้ว เพราะปีนี้ค่าเงิน
ออสเตรเลียตกที่สุดในรอบหลายปี มาเที่ยวตอนนี้
คือประหยัดไปได้เยอะเลยค่ะ.. อยากรู้แล้วใช่มั้ย
ว่า 3 เมืองที่ปิงไป ชื่อว่าอะไร มีอะไรทำบ้าง?
งั้นก็ตามมาอ่านกันในรีวิวนี้เล้ยยยยย : – D
โปรแกรม 3 วัน 2 คืนแบบคร่าวๆ เรียงตามนี้ค่ะ
Meroo : พัก airbnb ที่เป็นรถบ้าน มีอ่างหน้าบ้าน
น่าถ่ายรูปลงโซเชี่ยลสุดๆๆๆ ที่ชอบมากคือเจ้าของ
ทำฟาร์มอัลปาก้า เราก็ได้ใกล้ชิดกับน้องๆด้วย!
* รายละเอียดอื่นๆ อ่านต่อในรีวิวนะจ๊า แนะนำว่า
คนที่สนใจจะไปจริงๆต้องอ่าน เพราะต้องเตรียม
หลายๆอย่างก่อนไปค่ะ *
Mudgee : พัก airbnb อีกอัน ขึ้นกล้องไม่เท่า
ที่แรก แต่ประสบการณ์โดยรวมคือประทับใจกว่า!
เจ้าของดูแลตอนรับดีมาก เค้าเลี้ยงม้า แกะ ไก่
นกยูง แมว นก ซึ่งเราได้ช่วยเค้าให้อาหารน้องๆด้วย
เมืองนี้ดังเรื่องไวน์ ใครไปแล้วไม่ได้ชิมไวน์
จากไร่ใน Mudgee ก็เหมือนมาไม่ถึงจ่ะ
Gulgong : แวะเที่ยวเมืองวินเทจ ก่อนกลับซิดนีย์
เป็นเมืองเล็กๆค่ะ ไม่ไกลจาก airbnb ที่สอง
เมืองน่ารัก ตึกเก่าๆสีพาสเทล ฟ้อนต์เก่าๆ
ถ่ายรูปออกมาคือชิคเว่อร์ ไม่เชื่อ เลื่อนไปดู
ค่าใช้จ่าย งบ 8,620 บ. (ต่อคน) ประกอบด้วย…
1. Airbnb รถบ้าน $199.84 / 2 คน
2. Airbnb ฟาร์ม $91.35 / 2 คน
3. ค่าเช่ารถ 3 วัน $240 / 2 คน
4. ค่าประกันรถ 3 วัน $90 / 2 คน ( optional )
5. ค่าน้ำมันรถ $98 / 2 คน
6. ค่ากิน $72 ( ซื้อของไปทำเอง
4 มื้อ + ทานข้างนอก 3 มื้อ )
* ราคานี้ปิงคิดจากเงิน 430 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
คูณกับ 20 ซึ่งเป็นค่าเงินโดยประมาณในช่วงนี้ค่ะ *
ทริปนี้ต้องขับรถไปเท่านั้น รถสาธารณะ
ไปไม่ถึงนะจ๊ะ ปิงกับเพื่อนเช่ารถกับบริษัท
ที่ชื่อว่า “MD เช่ารถ ซิดนีย์” ชื่อเพจก็ตามนี้เลย
ลองเข้าไปดู ไปรับ + คืนรถเอง ง่ายและสะดวกเว่อร์ค่ะ
ส่วนระยะทาง อยู่ที่เที่ยวละเกือบ 300 km
รวมไป-กลับ เกือบ 600km ถ้าขับยาวก็เที่ยวละ
4 ชม.กว่าๆ ขากลับขับไม่ยากค่ะ วิ่งถนนเส้นหลัก
ตาม google map ไปอย่างเดียว ขาไปนี่บอกเลย..
อยากได้รูปสวยๆ เธอก็ต้องสู้กับเส้นทางหน่อยแหละ
ชนบทม๊ากกกกกกกก มีแต่หญ้าแห้งกับฝุ่น
นานๆจะเห็นบ้านกลางลานโล่งๆ กับต้องระวัง
ขับชนจิงโจ้นะ นี่เจอน้องโดนทับหลายตัวเลย สงสาร
ขับไปบางช่วง ไม่มีสัญญาเน็ตด้วย แคปเส้นทาง
เก็บไว้บนมือถือก่อนเดินทางก็ดีค่ะ : – )
ที่พักทั้ง 2 ที่ในทริปนี้ เป็น airbnb นะคะ
ไม่ใช่โรงแรมหรือรีสอร์ท เพราะฉะนั้น * มีแค่ห้องเดียว *
ใครสนใจควรจองล่วงหน้านานๆค่ะ มาเริ่มกันที่ที่แรก
หลังจากการขับรถที่ยาวนานนนนนน ในที่สุดเราก็มาถึง
Vintage Van ซึ่งอยู่ในฟาร์มอัลปาก้าค่ะ จริงๆที่พักเรา
ก็อยู่ในพื้นที่ของเจ้าของ airbnb นะ แต่เค้าจะไม่มา
ยุ่งกับเราเลย ปล่อยให้เราอยู่กันเอง มีไรก็โทรหาเค้า
อันนี้ลิงก์ไปจองจ่ะ https://abnb.me/ou2bPCp1U2
อันนี้ด้านในที่รถค่ะ ไม่ใหญ่นะ พักได้แค่ 2 คน
มีโซนนั่งเลย ครัวเล็กๆ อุปกรณ์ครบ และเตียง!
* แปลว่าเพื่อนๆต้องซื้อของมาทำกับข้าวกินเองนะคะ
เค้าไม่มีอาหารให้ แต่มีไวน์จากเมือง Mudgee
เป็น Welcome drink ให้หนึ่งขวด ซึ่งก็ฟินไปอีก *
ส่วนห้องน้ำจะแยกกัน และเป็นส้วนหลุมนะจ๊ะ
แต่ว่าสะอาด เค้ามีวิธีดูแลกับดับกลิ่นค่ะ
จริงๆพอขับรถเข้ามา น้องอัลปาก้าก็รอต้อนรับ
พวกเราอยู่แล้วววว
แล้วค่อยออกมาหาน้องๆ แต่เอ๊ะ.. แค่เราเดินไป
น้องๆก็หันมามองพร้อมกันเลย แล้วทุกตัวก็คือ
เดินมาที่เรา มันใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนจากตอนแรก
ตื่นเต้นดีใจได้เจอน้อง กลายเป็นกลัวน้องแทนค่ะ >//<
เหมือนน้องจะอยู่ไกล จะจริงๆคือใกล้ม๊ากกกก!!
( รูปนี้ปิงใช้ gopro ถ่ายค่ะ มันเลนส์ wide )
พวกเราเดินสำรวจรอบๆฟาร์ม ถ่ายรูปกันจนทั่ว
ก็ได้เวลามาถ่ายรูปกับมุมไฮท์ไลต์ นั่นก็คือ
อ่างอาบน้ำ! ถ่ายไป 7583 รูปค่ะแม่คู๊ณณณณ
ถ่ายเสร็จเหนื่อยก็กินอาหารที่เพื่อนทำไว้
เป็นมาม่าเกาหลีแบบแห้ง ทานกับเห็ดและไก่ทอด
แต่พอวางคู่กับไวน์ละก็ดูอินเตอร์ขึ้นมาเลอะ!
พอพระอาทิตย์ตกดินพวกเราก็ได้รู้ความจริงค่ะว่า…
เจ้า Vintage Van นี่มันไม่เหมาะจะไปช่วง summer
เอาซะเล้ยยยยย เพราะในรถบ้านไม่มีแอร์ค่ะ
มันร้อน กับไม่ค่อยมีอากาศ พอเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า
แมลงก็จะเข้ามาด้วย เพราะมันตามแสงไฟเข้ามา
จริงๆเค้ามีพัดลมให้ตัวนึง แต่ติดๆดับๆงงๆ
ถ้าใครจะมาแนะนำมาหน้าหนาวดีกว่า อีกอย่างคือ
ที่นี่ไม่มี wifi และค่อนข้างอับสัญญาณ
เน็ตมาๆหายๆ อัพ story IG ไม่ค่อยได้
ต้องถ่ายตุนๆไว้ แล้วค่อยลงวันต่อไปค่ะ : – D
วันที่สอง พวกเราออกจาก airbnb แล้ว
ก็ขับรถไปเที่ยวเมือง Mudgee จ้าาาาา
เมืองเล็กนิดเดียววววว ตึกราบ้านช่องเก่าแก่
แต่น่ารัก มีทุกอย่างตั้งแต่ post office, bank,
ร้านขายของชำ, ร้านขายของแต่งบ้าน, บาร์,
คาเฟ่, ร้านอาหาร, โบสถ์, พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
คาเฟ่ที่เราไปชื่อ Alby & Esthers
บรรยากาศดีมากๆเลย ที่นั่งส่วนใหญ่
เป็นแบบ outdoor แต่ก็อยู่ใต้ร่มไม้ ไม่ร้อนค่ะ
อย่างที่บอกว่า Mudgee เค้าดังเรื่องไวน์
เราก็ต้องแวะแหล่งไวน์กันหน่อยยยย ช่วงที่เราไป
คือ 29-31 ธ.ค. ซึ่งหลายๆที่เค้าก็ปิดค่ะ จริงๆ
เราตั้งใจไป Cellar by Gilbert แต่เค้าปิด
แล้ว di Lusso Estate เปิด เราเลยมาที่นี่แทน
แต่พอมาถึงครัวเค้าปิดแล้ว แล้วได้แค่ไปชะโงกๆ
ไม่ได้ชิมไวน์ แต่… พรุ่งนี้เราจะไปแก้ตัวที่อื่น
อยากรู้ว่าที่ไหน ก็ตามมา!!
มาถึงแล้ววววววว airbnb ที่สอง
เป็นบ้านอยู่ในฟาร์มค่ะ เจ้าของเป็นคุณป้า
ชาวอังกฤษชื่อ Claire ซึ่งแกน่ารัก ใจดี
ต้อนรับพวกเราดีมากๆเลยยย การเดินทาง
มาที่นี่ก็ง่ายกว่าที่แรกมากๆค่ะ จาก Mudgee
ขับมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว นี่ทางไปจองๆ
บ้านคุณป้าเป็นบ้านสังกะสีอย่างดีค่ะ
ดูดีมาก เห็นแค่หน้าบ้านไม่มีทางรู้ว่าอยู่ในฟาร์ม!
บ้านมีชั้นครึ่ง โดยห้องที่เราพักก็อยู่ใต้ชายคา
เดียวกับคุณป้าเลย แต่ห้องก็มีประตูเข้า-ออก
แยกออกมา ไพรเวทอยู่ค่ะ ในห้องก็มีครบ
ทุกอย่างค่ะ ห้องน้ำในตัว เครื่องซักผ้า
เตียงนุ่มๆ ไดร์เป่าผม ห้องครัว โซนนั่งเล่น
แถมตกแต่งน่ารัก อบอุ่นไปอี๊กกกกกก!
เก็บของแล้วก็ออกมาเยี่ยมน้องๆกันหน่อยยย
คุณป้ามี Pony 2 ตัว สีดำกับขาว น้องน่ารัก
+ ขี้อ้อนมั่กๆๆ เสร็จแล้วเราก็ทยอยทักทาย
ให้อาหารน้องแกะ น้องแมว นก และ ไก่
สนุกๆมาก และปิงเชื่อว่า ถ้าไปพักตามโรงแรม
ไม่มีทางได้ทำอะไรแบบนี้ค่ะ คุณป้า Claire
จะให้ข้อมูลตลอด ว่าน้องๆแต่ละตัวชื่ออะไร
คุณป้าได้น้องๆมาจากไหน น้องๆชอบทานอะไร
คือคุยเพลินมากกกก รู้ตัวอีกทีได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!
จริงๆหน้าบ้านมีโซนให้นั่งเล่น ล้อมกองไฟด้วย
แต่นี่ขี้เกียจก่อไฟ และไม่อยากรบกวนคุณป้าแล้ว
พวกเราเลยทำอาหารง่ายๆ นั่งทานกันในห้อง
ของพวกเราค่ะ วัตถุดิบก็เหมือนเดิม… มาม่าเกาหลี
กับเห็ด55555555 วันนี้โชคดีได้ไข่จากฟาร์มคุณป้า
และเบค่อนที่คุณป้าเตรียมไว้ให้ กับยำปลากระป๋อง
ของพวกเรา มาเพิ่มสีสันให้มื้อนี้ >//<
ตื่นเช้ามาก็วันสุดท้ายแล้วจ้าาาา ไม่มีไรมากกก
บอกลาคุณป้า Claire แล้วขับรถไปเมือง Gulgong
ซึ่งก็เป็นเมืองแบบวินเทจอีกอ่ะแหละ ตึกสีครีม
สีน้ำตาลอ่อน สีอิฐ ทุกร้านใช้ฟ้อนต์คล้ายๆกัน
ถ่ายรูปออกมาแล้ว mood ดี คลุมโทนมาก
แต่ละร้านในเมืองนี้เปิดมานานๆทั้งนั้นเลย
ทุกคนรู้จักกันหมด พวกเราเป็นชาวเอเชีย
เพียงสองคนในเมือง เดินไปไหนใครก็มอง
เข้าร้านอะไรเค้าก็ชวนคุย 5555555555
ไป Mudgee ไม่ได้จิบไวน์ ขอมาแก้ตัวที่
Gulgong แทนค่ะ ร้านนี้ชื่อ Bank Corner
Wine & Gelato เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ของเมือง
แค่พวกเราเดินผ่านก็ต้องหันขวั่บบบบ เพราะ
ไม่เคยเห็นคาเฟ่ที่ไหน มีดนตรีสดเพราะๆ
ให้ฟังแบบนี้! ดีไซน์ข้างในก็โคซี่ เข้าทางมาก
เราสั่งมาเป็น Bank plattter รวมของ local
ทั้งหลายยยย ตั้งแต่ซาลามี่ ถั่ว ผลไม้ดอง ชีส
ขนมปัง ส่วนไวน์แดงนี่โดนไปสองตัว บอกรสที่ชอบ
และให้พนักงานแนะนำ ซึ่งพนักงานก็น่ารักมาก
ให้ข้อมูลด้วยว่า แต่ละอย่างผลิตที่ไหน : – )
จบมื้อนี้ พวกเราก็แวะเติมน้ำมัน
และขับรถยาวววววว เข้าซิดนีย์
ก็นั่นแหละทั้งหมดของทริป Meroo –
Mudgee – Gulgong เป็น 3 วัน 2 คืนที่
อิ่มความสุขมั่กๆๆๆๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะเลย
แล้วปิงก็หวังว่า คนที่ไปตามรอยทริปนี้
จะได้เหมือนกันนนน ตอนเที่ยวคือจ่ายอย่างเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าพอมาคำนวณ ทั้งทริปใช้ไป
แค่ $430 / 8,620 บ. เท่านั้นเอง ต้องมาแล้วแหละ!
สุดท้ายฝากกด like เพจ Bliss Out There
https://www.facebook.com/BlissOutThere/
ของปิงด้วยนะค้าาาาา ฝาก follow ไอจีส่วนตัวด้วยเน่อ
https://www.instagram.com/blissoutthere/
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ บ๊ายบายยยย <3
Comments
comments