สิ้นปีแบบนี้ หลายคนคงอยากให้ของขวัญ
ตัวเองด้วยทริปดีๆสักทริป Bliss Out There เราจัดให้
กับทริป ‘ สิงคโปร์ ‘ สั้นๆ แค่ลางานวันเดียวก็เที่ยวได้
แบบคุ้มมากเว่อรรรรรรรร์ ตั้งแต่ไปสนุกที่
Universal Studio Singapore ชมต้นไม้สวยๆ
ที่ Gardens by the Bay แวะทักทายน้องๆ สัตว์ทะเล
ที่ S.E.A. Aquarium นั่ง Sentosa Express Train
และ ชมวิวมุมสูง จาก Singapore Cable Car
ปิดท้ายด้วย Singapore Night Safari เย้!
ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย การเดินทาง ที่พัก ที่กิน
ที่เที่ยว และ How to จองกิจกรรมต่างๆในทริป
ให้ได้ราคาถูก รวมอยู่ในนี้แล้วววว รับรองว่ารีวิวนี้
จะช่วยให้เพื่อนๆ เที่ยวได้ง่ายขึ้น ประหยัดทั้งเงิน
และเวลา ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงไปดูเล้ยยยยยย
ค่าใช้จ่าย *ต่อคน* (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน & ช้อปปิ้ง)
1. ค่าห้อง
– Queen Pod Suite ที่ The POD Capsule Hostel 2 คืน
1,025 บ. (1,025 บ. / ห้อง / คืน ตกคนละ 515 บ. / คน / คืน)
– Reading Room ที่ Lloyd’s Inn 1 คืน 2,345 บ.
(4,695 บ. / ห้อง / คืน)
2. ค่าเดินทางตลอดทริป 1,221 บ. มาจาก :
– Taxi จาก Changi Airport เข้ามาในเมือง
ไปลงที่ The POD Capsule Hostel 375 บ.
(750 บ. / เที่ยว)
– บัตร Ez-Link แบบ Tourist Pass เป็นบัตรโดยสาร
แบบบุฟเฟ่ต์ 3 วัน รวมค่ามัดจำแล้ว 750 บ.
– ค่าบัตรโดยสารรถไฟ Sentosa Express 96 บ.
3. ค่ากินทุกมื้อ + ของกินเล่นตลอด 3 วัน 1,185 บ.
4. ค่า 4G Sim Card ใช้ได้ 7 วัน 288 บ.
5. ค่าบัตรขึ้นกระเช้า Singapore Cable Car Skypass 587 บ.
6. ค่าบัตรเข้า S.E.A. Aquarium 833 บ.
7. ค่าบัตรเข้า Gardens by the Bay 719 บ.
8. ค่าบัตรเข้า Universal Studios Singapore 1,618 บ.
9. ค่าบัตรเข้า Singapore Night Safari 1,031 บ.
** สรุป ใช้เงินประมาณ 10,852 บ. ต่อคน **
** ย้ำว่านี่เป็นราคาโดยประมาณ เปลี่ยนแปลงได้
ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ วัน เวลาที่เดินทาง และ
ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าช้อปปิ้ง และของฝาก **
How to จองกิจกรรมต่างๆ ในทริป
ตัวช่วยของเราก็คืออออออ…
แอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ “Klook”
อะไรที่จองล่วงหน้าได้ เราจองผ่าน Klook หมดเลย
เพราะนอกจากจะใช้ง่าย การันตีราคาที่ดีที่สุดแล้ว
ยังช่วยประหยัดเวลาตอนเราไปเที่ยวได้เยอะมาก
ไปถึง โชว์ใบยืนยันการจอง / QR code
แล้วเข้าสถานที่ได้เลย ไม่ต้องรอคิว
Klook มีกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวให้เรา
จองได้ถึง 4,000 กิจกรรม ครอบคลุมมากกว่า
60 ประเทศทั่วโลก ใครยังไม่เคยจองผ่าน Klook
ต้องลองแล้ว ส่วนกิจกรรมต่างๆในทริป จองผ่านทาง
link ด้านล่างนี้เลยยย : )
– 4G SIM Card : https://bit.ly/2FiIbdt
– Sentosa Express : https://bit.ly/2qKXu4y
– Singapore Cable Car : https://bit.ly/2z8W88c
– พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium : https://bit.ly/2PXpQGM
– Gardens by the Bay : https://bit.ly/2PXQejW
– Universal Studios Singapore : https://bit.ly/2QBYao3
– Singapore Night Safari : https://bit.ly/2Dl2MLM
การเดินทางในสิงคโปร์
ขอแนะนำ Singapore Tourist Pass แบบ 3 วัน
เพราะประหยัดกว่า แถมขึ้นได้ทั้ง MRT
และรถบัส แบบ unlimited หาซื้อได้ที่
สนามบินและตามสถานี MRT ค่ะ
The Pod Capsule Hostel
ขอพามาดูที่พักก่อน เพราะวันแรกเรามาถึงตอนดึก
The Pod Capsule Hostel คือที่พักของเรา
2 คืนแรก จะอยู่แถว MRT สถานี Bugis เลย
เป็นโฮสเทลขนาดไม่ใหญ่ แต่ใช้พื้นที่ได้คุ้ม
ห้องพักของเราเป็นแบบ Queen Pod Suite
เป็นห้องส่วนตัว แต่ใช้ห้องน้ำรวม
ซึ่งสะอาดเว่อร์วัง มีพนักงานดูแล 24 ชม.
ดีไซน์แบบโมเดิร์น มินิมอล มีห้องหลายแบบ
ราคาเริ่มต้นที่ SGD 54 ถึง SGD 98
(รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์) ดูเพิ่มเติมในเว็บ
นี้ได้เลย https://www.thepodcapsulehotel.com/en/
ขอไปนอนพักก่อน แล้วพรุ่งนี้เราจะไปลุยกัน !!
DAY 1 : S.E.A. Aquarium + Gardens by the Bay
เติมพลังด้วยบุฟเฟต์อาหารเช้าของโฮสเทล
แล้วเราจะไปลุยเกาะ Sentosa กัน ไฮไลท์อย่างหนึ่งของ
เกาะนี้ คือ สัตว์โลกใต้ทะเลที่ S.E.A. Aquarium ค่ะ
วิธีเดินทาง ให้นั่งรถไฟสายสีน้ำเงินจากสถานี
Bugis ไปที่ สถานี Chinatown แล้วเปลี่ยนเป็น
สายสีม่วงเพื่อไปลงที่ HarbourFront จากนั้น
นั่งกระเช้าลอยฟ้า / Singapore Cable Car
ข้ามไปที่เกาะ Sentosa จากบนกระเช้าก็จะ
เห็นวิวเกาะ Sentosa มุมสูงงงง *3*
ถึง S.E.A. Aquarium แล้วววววววว เย้ !
อะความเรียมที่นี่มีสัตว์ทะเลหลายชนิดเลย
ไม่ว่าจะเป็นฉลาม โลมา แมงกระพรุน ฯลฯ
ซึ่งเค้าแบ่งเป็นโซนๆ เรียงไปตามทางเดินเลย
กิจกรรมห้ามพลาดคือ Touch zone ที่เราจะ
ได้สัมผัสปลาดาวและปลิงทะเลแบบตัวเป็นๆ
นอกจากนี้ยังมีโชว์ปลาโลมาเอาใจน้องๆหนูๆด้วย
ให้ข้อมูลไว้สำหรับคนที่สนใจน้า ที่นี่เปิด
จันทร์-ศุกร์ 10 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม
เสาร์-อาทิตย์ 9 โมงครึ่ง ถึง 1ทุ่ม ค่าเข้าชม SGD 28
ใครสนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์
https://www.rwsentosa.com/en/attractions/sea-aquarium
ทัวร์อะควาเรียมจนฟินระดับนึง ท้องเราก็เริ่มส่งเสียง
เลยนั่งรถไฟ Sentosa Express จากสถานี Waterfront
มาที่ Sentosa station ความดีงามคือสถานีนี้อยู่ชั้นบนสุด
ของห้าง Vivo City ที่เราจะมาแวะฝากท้องกัน
ถึงแล้วก็ตรงไปที่ Food Republic ซึ่งเป็นศูนย์อาหาร
ของห้างนี้ มีอาหารให้เลือกทุกชาติในราคาย่อมเยาว์
ละมาสิงคโปร์ทั้งทีจะพลาดข้าวมันไก่ได้ยังไง ?
จัดไปชุดใหญ่ 2 คน หารกัน ตกคนละ SGD 9 เองค่ะ
หลังจากอิ่มแปล้กันแล้ว ก็ไปกันต่อที่
Gardens by the Bay ด้วยรถไฟสายสีม่วง
จากสถานี Harbourfront ไปที่ Chinatown
แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงิน ไปลงที่สถานี Bayfront
เดินนิดหน่อยก็ถึงแล้ว ระหว่างทางมีวิวอ่าวและตึก
Marina Bay Sands ให้แวะชม และถ่ายรูปไปเพลินๆด้วย
แถ่นนน ถึง Gardens by the Bay แล้ว
ที่นี่มีหลายโซนมาก ๆ เช่น โซนโดมดอกไม้ /
Flower Dome ที่เอาใจคนรักดอกไม้โดยเฉพาะ
โซนโดมป่าเมฆ / Cloud Forest ที่เต็มไปด้วย
ไอน้ำฉ่ำๆ และโซนที่เป็นทางเดินลอยฟ้า /
OCBC Skyway ไว้ให้เดินเล่น ถ่ายรูปชิลล์ๆ
ไฮไลท์ของที่นี่คือ ต้นไม้ยักษ์ Supertree Grove
ที่ด้านบนมีการติด Solar cell เพื่อใช้เก็บเป็นพลังงาน
ไว้แสดงโชว์ Garden Rhapsody (OCBC Light
and Sound Show) เป็นการแสดง แสง สี
ของกลุ่มต้นไม้ ที่สวยงาม ตื่นตาตื่นใจ
ควรค่าแก่การมาชม มีการแสดงวันละ 2 รอบ
รอบละ 15 นาที คือ 19.45 น. กับ 20.45 น.
ไฮไลท์ทั้ง 3 อย่าง มีค่าเข้าชมนะจ๊า
ซึ่งเราก็จองล่วงหน้าผ่าน Klook มาแล้ววววว
3 อย่าง แค่ 720 บ. / คน เท่านั้น บัตรนี้ใช้เข้า
Red Dot Design Museum ได้ฟรีด้วยน้า
ส่วนเรื่องเวลา เปิด-ปิด ที่นี่เปิดตั้งแต่ ตี 5 ถึง ตี 2
เดินกันได้ตั้งแต่เช้ายันดึกเลย เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ https://www.gardensbythebay.com.sg/ นะค้า
ปิดท้ายวันนี้ด้วยมื้อเย็นที่ร้าน Oriental Western Bistro
ในโซน Dining ของ Gardens by the Bay
เราสั่งสปาเก็ตตี้จานด่วนกับลาเต้เย็น รวม SGD 15
แล้วพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันต่อออออออ เย้
DAY 2 : Universal Studio Singapore , Night Safari
วันที่สองแล้ว มอร์นิ่งค่าทุกคนนนน : D
วันนี้เราจะย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ที่สวนสนุกระดับโลก อย่าง Universal Studio
ปิดท้ายด้วย ดูสัตว์ยามค่ำคืนที่ Night Safari
แต่ก่อนอื่น ขอทานอาหารเช้าที่โฮสเทลก่อน
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิ_อิ
การเดินทางไป Universal Studio คือ
เรานั่งรถไฟ Sentosa Express จากสถานี
Sentosa บนห้าง Vivo City ไปลงที่สถานี
Waterfront ค่ะ ตอนไปถึง ก็ใช้บัตรที่จอง
ผ่าน klook ไปยื่นที่หน้าทางเข้าสวนสนุก
แล้วเดินเข้าไปได้เลย เข้าก่อนไม่รอแล้วเด้อออ : D
Welcome to “Universal Studio” ค่าทู๊กโค๊นนน
แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกกลับไปเป็นเด็ก ด้วยบรรยากาศ
ที่ครึกครื้นและมีสีสันอย่างแรง อย่ารอช้าค่ะ
ตามเราไปตะลุยข้างในกัน !!
Universal Studio Singapore แบ่งออกเป็น 7 โซน
ได้แก่ Hollywood, New York, Sci-Fi City,
Ancient Egypt, The Lost World, Far Far Away
และ Madagascar แต่ละโซนก็จะมีเครื่องเล่น
แตกต่างกันไป เอาใจทุกเพศทุกวัย
ตั้งแต่เครื่องเล่นคิ้วท์ๆสำหรับคุณหนูๆ
ไปจนถึงผู้ใหญ่แต่ใจวัยรุ่นอย่างเราๆ
แถมยังมีการแสดงอีกมากมาย เช่น
Shrek 4-D Adventure, Elmo’s TV Time ฯลฯ
ที่พลาดไม่ได้เลยคือรถไฟเหาะ กรี๊ดให้สุดเสียง
เอาความเหนื่อยทั้งปีออกไปให้หมดค่ะซิส5555555
รถไฟเหาะที่เราเล่น ชื่อว่าเจ้า Battlestar Galactica
ซึ่งมาในธีมสงครามจักรวาลหุ่นยนต์
เป็น roller coaster ตีลังกาความเร็วสูง วิ่งคู่กัน 2 ราง
คือรางของฝ่าย HUMAN กับฝ่าย CYLON ค่ะ
พอแล่นสลับกันไปมาแล้ว ขอยกให้เลยว่านี่คือ
ที่สุดของความหัวใจวายค่ะ มันส์ได้ใจจริงๆ !
อีก 2 เครื่องที่เบาความเสียวลงมา แต่ยังคง
ความสนุกและเพิ่มความอลังการ คือ
TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle
เค้าจะให้เราใส่แว่น 3D นั่งอยู่บนเครื่องเล่นโยกๆ
แล้วต่อสู้กับหุ่นยนต์ฝ่ายอธรรม เสียดายที่
เค้าห้ามถ่ายรูปข้างใน เราเลยเก็บภาพมาให้ดู
ได้แค่ห้องจำลองด้านนอก ต้องไปโดนเองนะ : P
Revenge of the Mummy™ เป็นรถไฟที่แล่นไป
ในความมืดในพีระมิดมัมมี่ค่ะ แค่ตึกด้านหน้า
ก็มีความหลอนออกมาแล้ววว A must อีกอย่าง
คือ The Lost World โซนที่จะพาเราย้อนกลับไป
ยุคไดโนเสาร์กับภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World
โซน Far Far Away ก็ดีงามไม่แพ้กัน เหมือนได้
เข้าไปในโลกแห่งเทพนิยายหรือนิทานวัยเด็ก
เราได้ไปดูโชว์ Elmo’s World น่ารัก สดใส เอาใจคนรักเอลโม่สุดๆ <3
ก่อนจะกลับ ใครที่อยากเติมความหวานให้ร่างกาย
ก็จัดป๊อปคอร์นสักชุด ราคา SGD 8 ค่ะ
เพื่อน ๆ คนไหนอยากมา Universal Studio
แบบที่ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว ก็เข้าไปจองที่ลิงก์นี้เลย
https://bit.ly/2QBYao3 ค่าเข้าชม SGD 68
สวนสนุกเปิด 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น แต่ตอนนี้
ขอวาร์ปไป Night Safari ก่อน เดี๋ยวไม่ทัน !
เรานั่งรถไฟจากสายสีม่วงจากสถานี Harbourfront
ไปที่สถานี Little India เพื่อเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงิน
ไปลงที่ Bukit Panjang ค่ะ ไปถึงก็จะมีจุดรอ
Shuttle Bus รับ-ส่งเราจากสถานีไปที่ Night Safari
รถมาทุกๆ 15 นาที และใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่แล้ววววว
ระหว่างรอบัสพวกเราก็มาดินเนอร์กัน ที่ร้านอาหาร
ราคาประหยัดแถวสถานีรถไฟ เราทานข้าวกับ
ไก่ทอดสไตล์มาเลเซียน-สิงคโปร์ แบบ Take Away
อิ่มอร่อยคุ้มค่า ในราคาคนละ SGD 2.3 เท่าน้านนนนน
บรู๊ววววววววว เวลคัมทูว Singapore Night Safari
โชคดีที่เราจองมาล่วงหน้ากับ Klook แล้ว
เพราะคนเยอะม๊ากกกกก เข้ามาถึง เค้าก็ต้อนรับ
เราด้วยโชว์ควงไฟสุดว้าว แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ
ไฮไลท์ของที่นี่คือการนั่งรถ Tram ลายน่ารักๆ
ที่ขับพาเราไปส่องน้องสัตว์ทั้งหลาย ใช้เวลา
ทั้งหมด 20 – 30 นาที แต่ถ้าใครชอบเดิน
ทางสวนสัตว์ก็มีเส้นทางเท้าให้นะคะ จะยิ่งใกล้ชิด
สัตว์มากขึ้นไปอีก๊กกกก ที่นี่มีสัตว์ให้ดูเพียบ !
ไม่ว่าจะเป็นช้าง สิงโต หมี นก ปลา
สัตว์สงวนก็มี สัตว์หายากก็มา แถมยังมีโชว์สัตว์
อย่างโชว์เสือดาว โชว์งู ด้วยค่ะ มีทั้งหมด 3 รอบ
คือ 19.30 น., 20.30 น. และ 21.30 น.
ทางเราเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ ได้เท่านี้จริงๆ
เพราะมันมืดมากๆ แล้วเขาก็ห้ามเปิดแฟลชด้วย
ไม่งั้นจะเป็นการรบกวนสัตว์ค่ะ ใครไปเที่ยว
อย่าลืมทำตามกฎกันน้า เพื่อความปลอดภัย
ของน้องๆ สัตว์และตัวเราค่ะ ค่าเข้าชม SGD 47
เปิด 1 ทุ่ม 15 นาที ถึง เที่ยงคืนนนนนนนน
แปะเว็บไซต์ไว้ให้สำหรับคนที่อยากได้ข้อมูลเพิ่ม
https://www.wrs.com.sg/en/night-safari/
ถึงวันนี้จะไปแค่สองที่ แต่ว่าสุดจริง55555555
ขอกลับไปพักผ่อนในวิมานหลังน้อยๆที่
Lloyd’s Inn ซึ่งเราเพิ่งย้ายมานอนคืนนี้
ที่พักอยู่ใกล้สถานี Fort Canning
ไว้พรุ่งนี้พาไปส่องที่พักนะจ๊า รับประกันความดีงาม
DAY 3 : Lloyd’s Inn, Mustafa Centre
แป๊ปเดียว เราเที่ยวกันมาถึงวันที่ 3 / วันสุดท้ายแล้ว !
อย่างที่บอกว่าเมื่อคืน เราพักที่ Lloyd’s Inn
เพราะฉะนั้นก่อนจะออกไปเที่ยว ไปทัวร์ที่พักกันก่อน..
ที่นี่เป็นโรงแรมสไตล์บูทีค สีขาวคลีน มินิมอลสุด
เวลาเสิชใน google ว่า โรงแรมที่ดีที่สุดในสิงคโปร์
ก็จะเจอ Lloyd’s ติดโพลไปอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เพราะ
ดีไซน์อย่างเดียว แต่เพราะการบริการ และ
โลเคชั่นที่ปังด้วย คืออยู่ใกล้รถไฟฟ้าและ
ย่านช้อปปิ้งสุดฮิตอย่าง Orchard ค่ะ
ที่นี่มีห้องทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่
The Standard Room, The Reading Room,
The Garden Room, The Business Room,
The Sky Rom, The Big Garden Room,
The Big Sky Room และ The Patio Room
ราคาเริ่มต้นที่ SGD 160 – SGD 270
ห้องที่เรานอนเป็นแบบ The Reading Room ค่ะ
ห้องขนาดกำลังพอดี มีโต๊ะอ่านหนังสือกว้างๆ
สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไฮไลท์คือห้องน้ำเลยค่ะ
เป็นกระจกใสมองออกไปเจอต้นไม้สีเขียว
แถมยังได้อาบน้ำแบบใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
ใครอยากดูห้องแบบอื่นๆ เข้าไปดูได้เลยที่
ข้อดีอีกอย่างของที่นี่ คือ สระน้ำใสๆ สวนสวยๆ
ให้เราได้ถ่ายรูปวนไป หรือถ้าเที่ยวเหนื่อยแล้ว
อยากพักผ่อนอยู่โรงแรม ที่นี่คือ perfect มาก
แถมเค้ามี voucher อาหารเช้าให้เราไปทานที่
ร้าน Killiney Kopitiam กับ Freshly Baked
ซึ่งจากโรงแรม เดินไปแค่นิดเดียวก็ถึงแล้ว
ไปค่ะ วันสุดท้ายในสิงคโปร์ต้องใช้ให้คุ้ม
Check-out ฝากกระเป๋า แล้วเราไปช้อปปิ้งกัน ฮ่าๆ
วันนี้เรามาที่ Mustafa Centre ซุปเปอร์ขนาดใหญ่
ที่เป็นแหล่งของฝากชั้นเยี่ยมของนักท่องเที่ยว
มีช็อคโกแล็ตสำหรับซื้อฝากให้เลือกเยอะมากๆ
หมดตัวสิจ๊ะรออะไร 5555555555
แต่ไฮไลท์จริงๆ ของวันนี้ก็คือ มื้อเที่ยงจ้าาา
เรามากินกันที่ร้าน Song Fa bak kut teh
จะส่งอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก บักกุดเต๋ เมนูเด็ดของร้าน
กระดูกหมูในน้ำซุปคือเปื่อยละมุนมาก ซุปก็หอมกลมกล่อม
ฟินๆๆๆๆๆ ไส้ผัดซีอิ๊วดำก็นุ่ม ละลายในปาก ไม่แพ้กัน
ทานกับผักกวางตุ้งในน้ำมันหอย คือเริ่ดดดดดด
พร้อมน้ำชา homemade ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี : )
มื้อนี้ตกคนละประมาณ SGD 13.4 อ้า อิ่มแปล้!
โหยยยยเผลอแปปเดียว ทริปสิงคโปร์ 3 วัน 3 คืน
ของเราก็จบแล้ว ผ่านไปเร็วมากเลย เห็นไหมล้า
3 วันก็เที่ยวได้ เป็นทริปที่ครบสุดๆ เหมาะมาก
สำหรับคนที่มีเวลาน้อย แต่อยากเที่ยวแบบคุ้มๆ
ต้องขอบคุณ Klook ผู้ช่วยของเรา ที่ทำให้
ทริปเราสนุกและสะดวกขึ้น อยากจองอะไรก็
ลองเข้าไปที่ https://www.klook.com/th/นะค้า
ช่วงนี้มีโปรโมชั่นดีๆอยู่ด้วย กับโปรส่วนลด
250 บ. เมื่อจองครบ 4,000 บ. บนเว็บไซต์ Klook
เพียงแค่ใส่ code “KLOOKGIFT” และลดสูงถึง
500 บ. เมื่อจองครบ 5,500 บ. บนแอปพลิเคชั่น Klook
โดยใช้โค้ด “KLOOKGIFTAPP”
สุดท้าย ติดตามรีวิวท่องเที่ยวทั้งหมดได้ที่
http://blissoutthere.com/ อยากเจอกันบ่อยๆ
ก็กด like เพจ Bliss Out There
https://www.facebook.com/BlissOutThere/
เจอกันทริปหน้านะค้า บายยยยยยยยยยยยย <3
Comments
comments