เที่ยว “ฉะเชิงเทรา” แบบคนไม่มีรถ 1 วัน แบงค์ 500 ไปยังมีทอน!

ทริปนี้จะพาทุกคนกินจนแน่นพุงไปเลยจ้า

กับร้าน 3 ร้านเด็ดใน ตลาดบ้านใหม่100ปี

กินของหวานที่คาเฟ่น่ารักๆ อย่าง floriva cafe

และ nava house cafe ปิดท้ายด้วยการเดินชม

งานศิลปะจากศิลปินแห่งชาติที่หอธรรมพระบารมี 

อย่างที่บอกนะคะ ทั้งทริปนี้ใช้ไปไม่ถึง 500 บ. (ต่อคน) 

แบ่งเป็นค่าเดินทาง 147 บ.

ค่ากินจุ๊บกินจิ๊บ 318 บ.

รวมแล้ว 465 บ. เท่านั้นนน 

ใครไม่มีรถส่วนตัวก็ตามรอยรีวิวของเราได้

เพราะทริปนี้ขนส่งสาธารณะล้วนๆ จ้า

มีตั้งแต่รถไฟ รถสองแถว ไปยันตุ๊กตุ๊กเลย

รายละเอียดของทั้งทริปมีให้แล้ว

อยากให้อ่านทุกรูปเลยเพราะเขียนไว้ครบมาก!

เราออกสตาร์ทกันที่สถานีรถไฟหัวหมาก

ไหนๆ ก็เริ่มต้นเดินทางกันด้วยรถไฟแล้ว เห็นรางโล่งๆ แบบนี้

ก็ถ่ายรูปซะหน่อยโนะ ท้องฟ้าอย่างสวยเลยด้วยวันนี้

ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวกันเลยค่ะ

เราเริ่มต้นเดินทางกันที่สถานีรถไฟหัวหมากตั้งแต่เช้า

(แพลนจะไปหลายที่เลยมารอบก่อน 8 โมง)

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

แป๊ปเดียวก็ถึงสถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทราแล้ว

– ค่าตั๋วรถไฟ 10 บ.

ตารางรอบรถไฟสามารถดูได้จากนี่เลย

http://www.sawadee.co.th/thailand/transfer/train-east.html

คำเตือน : ช่วงโควิดแบบนี้ทางการรถไฟฯมีการปรับเปลี่ยนรอบการเดินทาง ต้องเช็คกันให้ดีๆก่อนน้า 

บรรยากาศภายในรถไฟไม่แออัดมาก 

ไม่ต้องกลัวหิวด้วยเพราะมีแม่ค้าหาบของกินมาขายเรื่อยๆ

มีทั้งขนม ผลไม้ ยันข้าวกะเพราะเลยล่ะ

สำหรับสาวๆ แนะนำให้มัดผมไม่ก็ใส่หมวกนะคะ

กันหัวเหนียวเพราะลมโกรกมากก5555

บอกแล้ว 1 ชั่วโมงน่ะแป๊ปๆ

ฟังเพลงยังไม่ทันจบรถไฟก็จอดเเทียบชานชาลา

ที่สถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทราแล้วค่ะ

แชะซักหน่อยให้รู้ว่ามาถึงแล้วว

ก่อนออกจากสถานีแนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟขากลับ

กรุงเทพไว้เลย จะได้ไม่ต้องรีบตอนกลับนะคะ 

สถานที่ต่อไปของเราก็คือ ตลาดบ้านใหม่100ปี

ไปไม่ยากค่ะ แค่เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟ

มองหารถสองแถวสีขาวแถบเหลืองแล้วโดดขึ้นเล้ย

เช็คแถบสีของรถดีๆ นะคะ แต่ละแถบสีก็จะพาไป

เส้นทางอื่นๆ อีก ดูข้อมูลได้จากลิงก์ที่เราแนบมาให้นี้นะ

https://bit.ly/31tHtlN

– ตั๋วรถไฟขากลับกรุงเทพ 13 บ.

– ค่ารถสองแถวไปตลาดบ้านใหม่ 8 บ.

1. ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี

นั่งสองแถวเพลินๆ ก็มาถึง ตลาดบ้านใหม่100ปี

แล้วล่ะ บรรยากาศสุดจะวินเทจเลย

นี่แค่ด้านหน้าตลาดเองนะ ร้านรวงก็คือเยอะมากก

มีทั้งขนมไทย อาหาร แลวก็ของเล่นจิปาถะ

แนะนำให้มาวันเสาร์ อาทิตย์ ร้านจะเปิดแบบเต็มพิกัด

และตลาดจะคึกคักมากก ถ้ามาวันธรรมดาอาจเสียเที่ยวนะ

– พิกัด : https://goo.gl/maps/zpzyQF6xF4QJsFmdA

–  เวลาเปิด-ปิด : 8:00 – 17:00 น.

2. เตี๋ยวเรือต่อชาม 

เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอกับร้านแรกที่เราจะฝากท้องไว้แล้ว

เตี๋ยวเรือต่อชาม นั่นเอง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก

เจ้าเดียวในตลาดเลย ถ้าเข้ามาจากหน้าตลาด

ร้านจะอยู่หัวมุมด้านขวาเลยมีโต๊ะประมาณ

4-5 โต๊ะ ไม่แน่น ไม่อึดอัด

–  เวลาเปิด-ปิด : 8:00 – 17:00 น.

เราสั่งบะหมี่เหลืองน้ำตกหมูไป สำหรับเราน้ำซุปเข้มกำลังดีเลย

ส่วนชามล่างนั่นของเพื่อนเรา มันซัดเรียบภายใน 5 นาทีเลยอะ

อร่อยแบบยกซด แถมราคาแค่ชามละ 30 บ.

เมนูไหนก็ 30 บ. อะแกรร

ร้านนี้เราสั่งอย่างเดียวเพราะต้องเผื่อท้องสำหรับร้านอื่นอีก!

บอกแล้วทริปนี้ กินจนแน่นพุง

คำเตือน : พริกเผ็ดมาก อย่าใส่เยอะ

– ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก 30 บ.

– โค้ก 1 กระป๋อง 15 บ.

3. สามแม่ครัว

กินเส้นไปแล้ว ต้องกินข้าวบ้าง!

ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวมาก็เจอเลยกับร้านสามแม่ครัว 

เค้าบอกกันว่าอายุรวมกันของคุณยายเจ้าของร้าน

ร่วมๆ 200 ปีเลยอะ เก๋าไม่เก๋าดูจากอายุก็น่าจะรู้นะ

ร้านนี้มีจุดเด่นคือใช้เตาฟืนในการประกอบอาหารทั้งหมด

ตอนอาหารมาเสิร์ฟก็จะได้กิล่นหอมๆของฟืนเป็นซิกเนเจอร์

– เวลาเปิด-ปิด : 8:00 – 17:00 น.

คุณยายเจ้าของร้านมีทั้งหมด 3 คน มีลูกน้องอีก 2-3 คน

แบ่งหน้าที่กันทำอาหาร เสิร์ฟ เก็บจาน

ถึงคุณยายจะอายุเยอะแล้ว แต่ก็ยังคล่องแคล่วกัน

ทุกคนเลยล่ะะะ เมนูของร้านจะเป็นอาหารตามสั่ง

มีทั้งเป็นกับข้าวและอาหารจานเดียวก็มีค่ะ

เตาฟืนเน้นๆไปเลยจ่ะ

ระหว่างรออาหารก็ดูเค้าทำไป

นี่อ่านรีวิวมาเค้าบอกว่าต้องสั่งเป็ดพะโล้ให้ได้!

แล้วอย่างเราจะพลาดได้ไง เนื้อเป็ดนุ่มกำลังดี

หนังเป็ดไม่เหนียวเลย ส่วนน้ำพะโล้ก็กลมกล่อม

ไม่เค็มไป ยิ่งกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด + ข้าวสวยร้อนๆ นะ ฟิน!

อีกจานนึงคือ ไส้หมูทอด นี่ก็ recommend เหมือนกัน

ชิมแล้วกรุบๆมากค่ะ แถมได้กลิ่นเตาฟืนอ่อนๆ ไอเลิ้ฟ

– เป็ดพะโล้ 80 บ.

– ไส้หมูย่าง 80 บ.

– ข้าวเปล่า 1 จาน 10 บ.

เราไปกับเพื่อนอีก 2 คน หารออกมาแล้ว

ตกคนละ 63 บ.

4. กาแฟแป๊ะเอ๊ย 100 ปี

ร้านกาแฟโบราณที่อายุน่าจะเกิน 100 ปีแน่ๆ

อยู่เยื้องๆกับร้านสามแม่ครัวเลย

ภายในร้านตกแต่งแบบวินเทจย้อนยุคมาก

ทั้งโต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ โต๊ะหินทรงกลม ให้ฟีลบ้านคนจีน

สมัยก่อนเลย ที่คนรุ่นคุณปู่คุณตาจะมานั่ง

จิบกาแฟแล้วคุยกัน คลาสสิคจริงๆ

– เวลาเปิด-ปิด : 8:00 – 17:00 น.

ร้านอายุ 100 ปี แต่บาริสต้ายังวัยรุ่นอยู่นะคะ5555

ด้านในร้านมีโต๊ะให้นั่งประมาณ 4 โต๊ะได้ 

ระหว่างที่เรานั่งก็มีคนเข้าออกร้านเรื่อยๆ เลย

เมนูจะมีทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น ชา กาแฟ โกโก้ นมชมพู อะไรต่างต่างง

จัดไปค่ะ แดงโซดามะนาวว 30 บ. เท่านั้น

อิ่มแล้วก็มาเริ่มทัวร์ตลาดกันเถอะ

ในตลาดจะเป็นทางเดินยาวไปเรื่อยๆ แบบนี้เลย

ละก็มีร้านมาตั้งแผงขายอยู่ขนาบสองข้าง

กว่า 80% ในตลาดจะเป็นของกินทั้งนั้นน

มีเสื้อผ้า ของที่ระลึกแทรกมาประปราย

เดินไปเรื่อยๆ จะมีสะพานข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง

ร้านนี้ก็คือเด่นมากจ่ะ มองจากบนสะพานได้เลย

ร้านอยู่ติดริมแม่น้ำแถมมีเปลให้ลูกค้าได้นั่งชิลด้วย

ผัดกันให้ดูสดๆหน้าร้านแบบนี้เลย

เรียกได้ว่าเอากลิ่นดึงลูกค้าล่ะค่ะ

ถ้าไม่ติดว่ากินมาทั้งข้าว ทั้งก๋วยเตี๋ยวแล้ว

อาจจะแวะร้านนี้อีกนะเนี่ย ขนมหวานของไทยก็มี

ให้เลือกหลายร้านมากมายย ทำสดใหม่กันตรงนั้นเลยก็มี

เดินมาจนเกือบท้ายตลาดแล้วก็มาเจอกับคุณพี่

คนนี้ยืนปิ้งขนมปังอยู่ มันหอมยั่วใจจริงๆ

ล้วไส้ทะลักแบบนั้นก็คือของจริงเด้อ คุณพี่ยัดไส้

ให้ดูแบบไม่จกตา แบบนี้มันก็ต้องซื้อมาชิมแล้วมั้ยอ่ะ

– ขนมปังปิ้ง 1 ชิ้น 20 บ.

5. Floriva cafe

มาฉะเชิงเทราทั้งทีก็ต้องแวะคาเฟ่ริมแม่น้ำ

บางปะกงน่ะสิ! เดินตลาดกันเหงื่อท่วม

สถานีต่อไปก็คือ คาเฟ่เย็นๆ บรรยากาศดีๆ

ตามสไตล์เราล่ะค่ะ จากตลาดบ้านใหม่ก็นั่ง

รถสองแถวสีขาวแถบเหลืองมาลงที่หน้าซอย

แล้วเดินเข้ามานิดเดียว ก็ถึงร้าน floriva cafe แล้ว

– พิกัด : https://goo.gl/maps/nkqs2hzh6gxhjoFm7

– เวลาเปิด-ปิด : 08:30 – 19:00 น.

– FB : https://www.facebook.com/FlorivaCafe

– เบอร์โทร : 093-020-8911

ด้านในร้านมีทั้งโซน indoor และ outdoor ริมน้ำ 

โซนด้านในมีโต๊ะประมาณ 5 โต๊ะ ทั้งโต๊ะเล็กและใหญ่เลย

ลึกเข้าไปอีกจะเป็นโซน out door ริมน้ำ

นั่งรับลมสบายๆ มีอยู่ประมาณ 4 โต๊ะ 

Related Post

เมนูในร้านไม่ได้มีแค่น้ำและขนมหวานนะคะ

เมนูข้าวก็มีเยอะเลย ใครจะมาฝากท้องที่นี่เลยก็ยังได้

ใครมา floriva ก็ต้องถ่ายมุมนี้นะ

โซนด้านนอกจะตกแต่งด้วยต้นไม้เต็มไปหมด

อีกฝั่งนึงจะเป็นบาร์ให้นั่งมองวิวแม่น้ำบางปะกงแหละ

รอไม่นานขนมที่เราสั่งไว้ก็มาวางเต็มโต๊ะเลยย

ที่เราสั่งมี บิงซูสตอเบอร์รี่ 79 บ.

ซาโมซ่า (เป็นแป้งทอดกรอบไส้ด้านในเป็นกล้วย) 69 บ.

Blue Soda 50 บ. (อีกแก้วของเพื่อนเรา ไม่นับละกันโนะ)

มื้อนี้ราคาหารสามคนแล้ว เท่ากัน 100 บ. พอดีเป๊ะ

เมื่อขนมหมดแล้วเราก็นั่งรถสองแถวไปยัง

บขส. เพื่อที่จะไปจุดต่อไปกันเล้ย

– ค่ารถสองแถวไปบขส. 8 บ.

– floriva cafe 100 บ.

การเดินทางโดยรถสาธารณะไปที่หอธรรมฯ นั้น ไปได้ 3 วิธี

1.รถเมล์ปรับอากาศสาย 2

ปลายทางวัดผาณิตาราม ราคา 18 บ.

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที 

รถเมล์สายนี้ มีแค่ 4 รอบต่อวันเท่านั้น 

6:05 น. / 9:00 น. / 16:00 น. / 17:20 น.

ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ จะมีแค่ 3 รอบต่อวัน

6:05 น. / 9:00 น. / 17:20 น.

2.Taxi 

เราเช็คราคาจากในแอพ grab และ bolt ดูแล้ว

เรทจะอยู่ประมาณ 60-100 บ. / เที่ยว

คิดว่าถ้าเรียกแท็กซี่คิดมิเตอร์ตามปกติก็ไม่น่าจะ

เกินนี้เท่าไหร่ บริเวณบขส.เราเห็นมีแท็กซี่จอดอยู่ประปรายน้า 

3.เหมาตุ๊กตุ๊ก

เหมาไปอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 100-150 บ. (แล้วแต่จะต่อรองได้)

เหมาแบบไป-กลับ ราคาอยู่ที่ 200-300 บ. (แล้วแต่ต่อรองได้) 

จากทั้ง 3 วิธีนี้ เราแนะนำให้เลือกเหมาตุกตุ๊กค่ะ!

หมาแบบไปกลับเลยนะ เพราะเราไปถามพี่คนขับรถเมล์มา

เค้าบอกว่าขากลับกลัวจะไม่มีรถหรือรอรถนาน

แล้วเราอาจจะไม่ทันรถไฟกลับกรุงเทพได้

ราคาเหมาเนี่ยยิ่งหลายคนยิ่งถูกนะะ

วันนั้นเราต่อรองมาได้ 300 บ. ถ้วน

แต่หารกับเพื่อน 3 คนแล้วก็อยู่ในราคาที่พอรับได้

– เหมาตุ๊กตุ๊กไปหอธรรมฯ 100 บ.

6. Baramee of art @หอธรรมพระบารมี

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีก็มาถึงกันแล้วค่า

ถ้านั่งรถเมล์สาย2มา ก็สามารถลงที่หน้าหอธรรมฯได้เลย

จะเห็นตัวโบสถ์สีขาวคลีน สไตล์มินิมอลตั้งอยู่แบบนี้

เดินลึกเข้าไปก็จะพบกับงานของศิลปินแห่งชาติที่จัดวางกระจายๆ

อยู่ทั่วบริเวณก่อนจะถึงอาคารที่แสดงงานด้านหลังค่ะ

– พิกัด : https://goo.gl/maps/8VhmNWsprANmWWTC9 

– เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) 09:00 – 16:00 น.

– FB : https://www.facebook.com/barameeofart

– เบอร์โทร :  082-203-1899

เข้าชมฟรี มีที่จอดรถ

ภายนอกของอาคารก็จะจัดตั้งผลงานของ

ศิลปินแห่งชาติไว้ตามทาง ยาวไปเรื่อยๆเลย

จริงๆ แล้วที่หอธรรมฯนี้เป็นสถานที่เผยแพร่

และปฏิบัติธรรมให้กับบุคคลที่สนใจ

เพิ่งจะเริ่มมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองค่ะ

สำหรับคนที่สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรม

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียน

เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่เว็ปไซต์ http://www.kondee.com

29 National Artist 29 Baramee of Art

คือหัวข้อหลักของนิทรรศการตอนนี้ค่ะ

(จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ – 6 มิถุนายน 2564)

ผลงานทั้งหมดที่จัดแสดงรวมแล้วกว่า 200 ผลงาน

จากศิลปินแห่งชาติ 29 ท่าน จัดตั้งกระจายกันอยู่

ทั่วทั้ง 3 อาคารในหอธรรมฯนี้ เดินเสพงานศิลป์กันยาวไปค่า 

ทั้ง 3 อาคารจะอยู่ติดๆกัน มีทั้งอาคารชั้นเดียวและ 3 ชั้น 

มีคาเฟ่เล็กๆ ไว้คอยบริการผู้เข้าชมงานด้วยล่ะ

ลืมบอกไปเลยว่าพอเข้ามาถึงหอธรรมฯนี้แล้ว 

จะมีการลงทะเบียนก่อนนะคะ 

แล้วก็จะมีวิทยากรคอยให้ความรู้ 

แนะนำผลงานที่จัดแสดงอยู่อย่างละเอียดเลย 

หรือถ้าอยากหาข้อมูลเองก็สามารถแสกน QR code 

ที่แปะอยู่ใต้ผลงานทุกชิ้น ข้อมูลของผลงาน

ก็จะขึ้นมาในมือถือเลย สุดล้ำอะ

ออกมาด้านนอกอาคารก็ยังมีผลงาน

ให้เดินชมตามทางเรื่อยๆ เรามาที่นี่

วันเสาร์อาทิตย์แต่ไม่มีคนเลย เงียบสงบมากก 

เดินดูงานได้แบบส่วนตัวสุดๆ แถมทุกที่

ในอาคารยังสะอาดมากอีกต่างหาก

นอกจากได้ชมผลงานศิลปะแล้ว ก็ยังได้รูปสวยๆ

กลับไปด้วยอะ เพราะตัวอาคารที่นี่ออกแบบมาอย่างสวยเลย

แสงแดดธรรมชาติเข้ามาในตัวอาคารได้เต็มที่

บวกกับผนังสีขาวล้วนสะอาดตา มินิมอลทุกมุมค่ะ

แนะนำให้เผื่อเวลาในการดูผลงานไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

ก็ดีนะคะ เพราะว่าตัวอาคารกว้างขวางมากก

เราเดินไปเป็นชั่วโมงถึงจะเก็บครบแหน่ะ

แนะนำอีกอย่าง ให้มาช่วงบ่ายสามเป็นต้นไป แสงสวยมั่กก

7. nava house cafe

ถัดจากหอธรรมฯมาไม่กี่ร้อยเมตร เราก็มาแวะ

คาเฟ่อีกซักร้านก่อนกลับนะคะ nava house cafe

คาเฟ่ริมน้ำบางปะกงรูปทรงบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ

บรรยากาศดีแบบ 10 คะแนน มีทั้งโซน indoor

และ outdoor ให้ลูกค้าเลือกนั่งกัน

รอบๆตัวร้านจะตกแต่งด้วยต้นไม้เต็มไปหมด

และด้านข้างก็มีมุมเล็กๆ ให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินกันด้วย

– พิกัด : https://g.page/navahousecafe?share

– เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10:00 – 19:00 น.

– FB : https://www.facebook.com/navahousecafe/

ด้านในร้านตกแต่งคุมโทนด้วยสีขาว

และลวดลายหินอ่อน มินิมอลอีกล้าา

เมนูของร้านมีความหลากหลายมาก

ทั้งเครื่องดื่มและขนม กาแฟ น้ำผลไม้

สมูทตี้ เค้ก หรือโทสต์ก็มีค่า

ร้อนแบบนี้ เพิ่มความซาบซ่าด้วยสตอเบอร์รี่ไปเลย

strawberry smoothie 70 บ.

strawberry SODA 60 บ.

ทั้งสองอย่างมาเสริ์ฟพร้อมกับแก้วทรงตะมุตะมิเวอร์

topping ด้วยสตอเบอร์รี่ชิ้นพอดีคำ 

จิบแล้วดับร้อนได้เลยย

โซน indoor ในร้านเปิดแอร์ฉ่ำๆ 

พอใช้กระจกใสแทนผนังทึบ ทำให้แสงแดด

ช่วงเย็นเข้าได้เต็มที่แบบนี้เลย มีโต๊ะอยู่ 4-5 โต๊ะ

แล้วก็เป็นแบบโต๊ะบาร์ให้นั่งมองวิวแม่น้ำบางปะกงอีก 1 

ช่วงเย็นๆแบบนี้ลูกค้าเข้าร้านเรื่อยๆเลยล่ะค่ะ 

แต่ไม่ต้องห่วง ด้านนอกก็มีให้เลือกนั่งอีกหลายโต๊ะเลย

บริเวณ outdoor มีทั้งโต๊ะเล็กสำหรับลูกค้า 1-2 คน

ไปจนโต๊ะใหญ่เหมาะสำหรับครอบครัวเลยก็มี 

อยู่ด้านนอกร้านก็จะได้ฟีลชิลล์ๆ แบบนี้แหละค่า

ก่อนปิดรีวิว one day trip ฉะเชิงเทรานี้ไป

เราขอสรุปค่าใช้จ่ายกันอีกรอบบ

– รถไฟขาไป 13 บ.

– รถไฟขากลับ 10 บ.

– รถสองแถว(8 บ. 3 รอบ)  24 บ.

– เหมาตุ๊กตุ๊ก 100 บ.

ค่ากินนน แบบจุกๆ

– ก๋วยเตี๋ยวเรือ 45 บ.

– กาแฟแฟ๊ะเอ๊ย 30 บ.

– สามแม่ครัว 63 บ.

– ขนมปังไส้เยิ้ม 20 บ.

– floriva cafe 100 บ.

– nava hose cafe 60 บ.

ทั้งหมดเป็น 465 บ.  แกรร มันถูกกว่าที่คิดมากมายย 

แถมการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะก็ไม่ได้แย่

มีลำบากนิสๆ พอเป็นสีสันน่ะ

ยิ่งมากับแก๊งเพื่อนยิ่งสนุก บอกเลย

สุดท้ายนี้เราก็ขอฝากให้ทุกคนกด follow + ติดดาว

https://facebook.com/BlissOutThere/

เพจ Bliss Out There กันเยอะๆๆ

แล้วก็ ig : blissoutthere

https://www.instagram.com/blissoutthere 

กันด้วยน้าเพราะเรานั้นมีแต่สิ่งดีๆ มาให้ทุกคน 

ช่วงนี้ไปเที่ยวที่ไหนก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ เทคร์แคร์นะคะ บะบายยย

Comments

comments