หนีความวุ่นวาย มาให้ธรรมชาติโอบกอดที่ “แพ 500 ไร่” EP.2

หนีความวุ่นวาย มาให้ธรรมชาติโอบกอดที่ “แพ 500 ไร่” EP.2

แพ 500 ไร่ เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฏร์ธานี สวยที่สุดในช่วงหน้าฝน

มานอนดูหมอกลอยผ่านทะเลสาบน่าห้องพัก

พายคายัค นั่งเรือส่องสัตว์ และ สำรวจถ้ำกัน!!

ใช่ค่ะ เราทำได้หมดนี่เลย ถ้าเราพักที่แพ 500 ไร่

ปิงอยู่ที่นี่ยาวๆ 1 สัปดาห์ ก็มีกิจกรรมให้ทำไม่เบื่อเลย

รีวิวนี้ปิงเขียนเป็นไอเดียให้คนที่อยากมาพักผ่อน 3 วัน 2 คืน

เป็น EP / โพสต์ที่สองแล้ววววว ใครอยู่ยาวๆแบบปิง

ก็อ่าน 2 โพสต์ได้เลย นี่ลิงก์ของโพสต์แรกค่ะ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/posts/1580097388993785

มีแพลนไปเที่ยวไหน จองที่พักได้ที่ Traveloka ค่ะ

Traveloka ให้บริการจองที่พักมากมายหลายรูปแบบ

กว่า 260,000 แห่งทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยว

สายหรู 5 ดาว สายประหยัดอยู่ง่าย หรือสายรักครอบครัว

Traveloka จะจัดการหาที่พักในราคาที่คุ้มที่สุดให้คุณ

แถมจองง่าย สะดวก รวดเร็ว เพียงไม่กี่ขั้นตอน

จองเลย https://atth.me/003v5v001c4k 

เป็นทริปที่ได้พักผ่อน ชาร์จแบตให้ตัวเองอย่างแท้จริง

เลื่อนอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ในโพสต์นี้เลยจ้า

ติดต่อแพ 500 ไร่

– https://www.500rai.com/th

– https://www.facebook.com/500rairesort

– http://bit.ly/Line500rai

ขอเกริ่นก่อนว่านี่เป็นรอบที่ 4 ที่เรามาพักที่แพ 500 ไร่เท๊ออออออออ

คือถ้ามันไม่ดีต่อใจจริงๆ ชั้นจะกลับมาทำม๊ายยยยยยยยยยยย

คือเลิฟตั้งแต่สโลแกน disconnect to reconnect แล้ว

ถึงจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่ที่เขาไม่มีให้คือ

WIFI จ่ะ.. ใช่… เขาต้องการให้เราเงยหน้าจากหน้าจอมือถือ/คอม

แล้วซึบซับกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด

ก่อนจะไปทำกิจกรรมกันยาวๆ เราขอพาไปส่อง

ห้องพักของเราก่อน นั่นก็คือห้อง Honeymoon Suite ค่ะ

ที่แพ 500 ไร่ ห้องพักแบ่งเป็น 2 โซน คือ Connecting Zone

และ Private Zone ห้องพักใน Connecting Zone

จะเชื่อมกันด้วยสะพานด้านหลังห้อง ต่อไปยังห้องอาหาร

และสระว่ายน้ำ ส่วนห้อง Private Zone จะแยกออกไป

ต้องเดินทางไป-กลับห้องพักด้วยแพยนต์ค่ะ มีบริการ

ตั้งแต่ 6.00 – 22.00 น. เลย 

ดูรายละเอียดของประเภทห้องพักได้ที่ https://www.500rai.com/th

ห้อง Honeymoon suite ของเรา

อยู่ใน Private zone ค่ะ เป็นห้องที่เหมาะกับคู่รักมากๆ

หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ได้ เพราะห้องจุได้ 2 – 5 คน

หน้าห้องมีสระว่ายน้ำและอ่างจากุชชี่ส่วนตัว แถมเปล

ตรงระเบียง ให้เรานอนดูวิวได้ทั้งวันนน >//<

สวยมั้ยล่า?

เป็นห้องเดียวที่มีระเบียงตรงชั้นสองด้วย 

ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 92 ตร.ม. เลยนะ 

ด้านในประกอบด้วย ห้องนอนชั้นล่าง 1 ห้อง ห้องนอน

ใต้หลังคา 1 ห้อง และห้องน้ำในตัวอีก 2 ห้อง

ความพิเศษนอกจากสระส่วนตัวและจากุชชี่ ก็คือ

มีเครื่องทำกาแฟ และลำโพงบลูทูธให้ด้วยจ้า

บันไดขึ้นไปชั้นสอง

จากห้องนี้มองไปเห็นห้องเก่าเราด้วย 

คือห้อง Deluxe Suite ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านรีวิวห้องนี้

ก็เข้าไปอ่านกันได้ที่ https://www.facebook.com/BlissOutThere/posts/1580097388993785

ได้แช่น้ำในวิวธรรมชาติแบบนี้จะฟิน

ขนาดไหนนนน

เปลหน้าห้อง ไม่ถ่ายไม่ได้

มองเห็นวิวสระว่ายน้ำและทะเลสาบ

ช่วงเช้าเราพักผ่อนกันในห้อง

พอหิวปุ๊ป ก็มาทานมื้อเที่ยงที่ห้องอาหารค่ะ

ซึ่งเขาเคลมว่าที่นี่เป็น “ห้องอาหารลอยน้ำ” แห่งเดียว

ในเขื่อนเชี่ยวหลาน อาหารมีให้เลือกเยอะมากกก

แต่ที่พลาดไม่ได้คืออาหารพื้นบ้านปักษ์ใต้ รสชาติกลมกล่อม

มื้อเที่ยงวันนี้ได้แก่ หมูทอด ผักกูดผัดน้ำมันหอย

ไก่ต้มขมิ้น และ 2 เมนูแนะนำของแพ 500 ไร่…

แกงส้มปลากดหน่อไม้ดอง และ ยำถั่วพลู !!

อร่อยจริงงงง อร่อยขนาดที่เรารีเควสเมนูนี้ซ้ำๆ 

ใครมาพัก อย่าลืมสั่งมาชิมนะ แล้วจะติดใจจจจ

ของคาวไปแล้ว ต่อด้วยของหวาน!!

ความพิเศษอยู่ที่ เราได้ทำขนมเองด้วยยยย

ที่แพ 500 ไร่มีกิจกรรมเข้าคลาสทำขนมไทย

สอนโดยเชฟของแพ 500 ไร่เลย พอเรียนเสร็จ

ก็ลงมือทำเองและชิมฝีมือตัวเองได้เลยค่ะ

เมนูที่เราทำคือ “กล้วยบวชชี” ซึ่งเลิฟมาก

ไม่หวานไป หอมใบเตยอ่อนๆ งื้อออออออ

ช่วงเย็น ประมาณ 5 โมง อากาศดี

ฝนไม่ตก พี่ไกด์ก็พาเรานั่งเรือหางยาวออกไป

จอดตามเกาะต่างๆ เพื่อดูสัตว์ค่ะ

สัตว์ที่เราจะเจอได้บ่อยเลย คือ กระทิง กวาง

นกเงือก เหยี่ยว ลิง ทางไกด์เค้ามีกล้องส่องทางไกล

ให้ด้วย รับรองถ้าสัตว์ออกมา เห็นชัดแน่นอน

หรือถ้าอยากถ่ายรูปสัตว์ด้วย แนะนำพกเลนส์ซูมมาเลยค่า

เจอกวางแล้ววว จริงๆเจอ 2 ตัวนะ

อีกตัวเดินเข้าป่าไปพอดีค่ะ 

กระทิงเป็นฝูงเลยทุกคนนนน 

กระทิงอีกแล้วจ้า

มองเห็นน้องกันรึเปล่า

นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเราฟูมากๆ

เพราะเราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นอีกเลเวล 

แถมวันที่เราไปดูสัตว์ อากาศดี ฟ้าเปิด ได้เห็น

Vanilla sky ด้วยแหละ

ส่องสัตว์เสร็จ ก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกพอดี

ของจริงสวยกว่านี้อีกนะ

มื้อเย็นเป็นน้ำซูปไก่ ไข่ลูกเขย ผัดผัก

และปลาทอดกระเทียมค่ะ อาหารที่นี่

ไม่เคยทำให้เราผิดหวังจริงๆ กับข้าวก็มา

5 อย่างตลอด ฮืออออออ ทริปเพิ่มน้ำหนัก

เช้าวันต่อไปปป เราไปถ่ายรูปกับ “เขาสามเกลอ” 

เขาสามเกลอเป็นภูเขาหินปูนขนาดเล็ก มี 3 ยอด 

ที่โผล่พ้นน้ำสีเขียวมรกตขึ้นมา เขาสามเกลอตั้งอยู่

กลางเขื่อนรัชชประภาเลยค่ะ เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์ค

ของที่นี่เลยก็ได้ เพราะเรือแวะถ่ายกันทุกลำ5555 

ถ้านั่งเรือจากท่าเรือในอุทยานแห่งชาติเขาสกมาที่แพ 500 ไร่ 

เค้าจะจอดให้เราถ่ายรูปตั้งแต่แรกเลย แต่ถ้าใครอยาก

มาอีกแบบคอสตูมพร้อม หน้าผมพร้อม ก็สามารถแจ้งที่พัก

ให้พนักงานขับพามาซ้ำได้เลยยยยยย เย้

เขายอดนี้พี่ไกด์บอกเราว่า รูปทรงคล้ายกับใบหน้าของ

ชาวอินเดียแดงแบบหันข้างค่ะ เพื่อนๆมองออกกันมั้ยย

ในโพสต์แรก เราไป “ถ้ำประกายเพชร” กันมาแล้ว

วันนี้เราจะไปพิชิตถ้ำปะการังกันนนนน!!

เราต้องนั่งเรือออกจากแพ ประมาณ 45 นาที

แล้วเดินเท้าต่ออีก 1.2 กิโลเมตร จากนั้นนั่งแพไม้ไผ่

ไปอีก 10 นาที ถึงจะเจอปากถ้ำ

กิจกรรมนี้มีพี่ไกด์คอยดูแลตอลดเวลา เขาเตรียมอุปกรณ์

อย่าง ไฟฉาย เสื้อกันฝน น้ำดื่ม ให้เราแล้วด้วยค่ะ

นี่คือจุดที่เราต้องมาต่อแพไม้ไผ่ไปที่ปากถ้ำนะ

เห็นรูปนี้แล้วเข้าใจรึยังว่าทำไมถ้ำนี้ถึงชื่อว่า

“ถ้ำปะการัง” ก็เพราะหินภายในถ้ำ

มีลักษณะเหมือนปะการังในทะเลนั่นเองค่ะ แถมพี่ไกด์ยังบอกว่า

ที่นี่มีโอกาสที่เป็นทะเลมาก่อน เพราะพบร่องรอยของเปลือกหอยในถ้ำด้วย

ภายในถ้ำมีหินรูปทรงหลากหลาย ชวนให้เราใช้จินตนาการมาก

อย่างรูปซ้ายบน พี่ไกด์บอกว่าเหมือนหน้าเอเลี่ยน

รูปซ้ายล่างเหมือนช้างยืน แถมมีประกายวิบวับ สวยมากเลยยยยย

ส่วนรูปขวา อันบนเหมือนนกฮูกค่ะ อันล่างเหมือนแม่อุ้มลูก

เพื่อนๆคิดว่ายังไงกันบ้าง?

หินตรงนี้เหมือนผ้าม่านเลย สวยและเป็นระเบียบมาก

รูปคือพี่ไกด์กำลังโชว์ให้เราดูว่าถ้าหินยังมีชีวิตอยู่

เวลาเอาแสงไฟไปส่อง แสงจะทะลุผ่านหินได้

หรือหินมีความโปร่งนั่นเอง แต่ถ้าหินที่ตายแล้ว

ส่องไปก็จะไม่เห็นไฟค่ะ จะเป็นหินทึบๆเหมือนเดิม

ชอบอ่ะ… ได้ความรู้

ส่วนตรงนี้มีหินที่คล้ายหน้าแม่มด 

พอเอาไฟไปส่อง ก็จะเกิดเงาแบบนี้ขึ้นที่ผนังถ้ำ

เดินถ้ำมาเหนื่อยๆ อาหารที่แพก็ไม่เคย

ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ โดยเฉพาะอาหารปักษ์ใต้

รสชาติถึงเครื่องแกง เลิฟฟฟฟ

ช่วงบ่ายเราขอพักผ่อนชิลล์ๆนิดนึง

เพราะตอนเดินไป-กลับถ้ำก็เหนื่อยอยู่นะ

แถมต้องคอยสู้กับทากด้วย

ทุกห้องมีคายัคและชูชีพอยู่ที่ระเบียงค่ะ

จะเล่นน้ำ หรือ พายคายัค ก็ได้ทั้งวันเลย

ขอแค่ก่อน 18.00 น. เพราะฟ้าจะมืด

เห็นมั้ยว่าทะเลสาบเชี่ยวหลานหน้าฝนสวยขนาดไหน

นอกจากคลาสทำขนมไทยแล้ว ยังมีคลาสเรียนทำ Cocktail/Mocktail

ด้วยจ้า เราเลือกทำได้ 1 จาก 3 เมนู ได้แก่…

1) นวลละออ ที่มีส่วนผสมเป็น passion fruit, light rum, gin tonic

2) morning fog ที่มีส่วนผสมเป็น กะทิ, Malibu, light rum

ชื่อเมนูนี้มาจาก ฟองด้านบนที่เหมือนหมอกตอนเช้า

3) Signature cocktail 500 rai ส่วนผสมคือ light rum, Malibu, 

blue curacao, น้ำส้ม, น้ำสัปปะรด, sweet & sour mixed

ในรูปนี้เราทำ นวลละออ กับ morning fog

วันที่ฟ้าเปิด จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าแบบนี้แหละ 

ทริปนี้มันดีย์ไม่สิ้นสุดจริงๆ!

อาหารเช้าวันสุดท้ายของเรา เป็นข้าวผัดและหมี่ผัด

คนหนึ่งให้กินได้สองอย่างอ่ะเท๊อออ ไม่อ้วนได้ไง

กิจกรรมสุดท้ายก่อนกลับ… เรียนพับผ้าให้เป็นรูปสัตว์ 

ไปดูสัตว์ของจริงกันมาแล้ว ใครอยากมีสัตว์เวอร์ชั่นคิ้วท์ๆ

อยู่ในห้อง ที่แพ 500 ไร่เขาก็มีบริการสอนพับผ้าให้เป็น

รูปสัตว์ต่างๆด้วย เช่น หนอน นกยูง ช้าง หมู กอลิล่า หมี

หมดแล้ว ทริปรีชาร์จ 3 วัน 2 คืนที่แพ 500 ไร่

ใครที่มีแพลนจะมาพักที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามาแล้วทำอะไรได้บ้าง

ก็ทำตามรีวิวของปิงได้เลยยย ไม่หวงค่ะ

ส่วนตัวเลิฟทริปนี้มากๆ เพราะได้ทุกฟีล

ทั้งฟีลพักผ่อนชิลล์ๆ และ ฟีลลุยๆ adventure

ใครยังไม่ได้อ่านรีวิวทริปเขื่อนเชี่ยวหลาน EP.1

(3 วัน 2 คืนแรก) ก็ไปอ่านกันได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/BlissOutThere/posts/1580097388993785

วันนี้ไปแล้ว ขอบคุณที่ติดตามนะคะ 🙂

𝐅𝐨𝐥𝐥𝐨𝐰 𝐌𝐞 

FB : https://www.facebook.com/BlissOutThere/

IG : https://www.instagram.com/blissoutthere/

YouTube : https://www.youtube.com/c/BlissOutThere

Website : https://blissoutthere.com/

ตอนนี้มี LINE OA แล้วนะ อย่าลืมมาติดตามกันนะ

Line : https://lin.ee/3R4lVCCv 

เข้า LINE แล้วกดปุ่ม 3 บน Timeline เลย 

Comments

comments