400 บาทกับการปั่นจักรยาน สูดอากาศบริสุทธิ์ ที่ ‘คุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ’ โอเอซิสอันดับที่ 7 ของโลก
ไปเรียน…ก็เรียนในตึก
ไปทำงาน…ก็ทำในตึก
จะกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง ยังไง๊ยังไงก็หนีไม่พ้นตึก ตึก ตึก
ถ้าคุณเป็นคนเมืองที่เบื่อตึก และกำลังมองหาพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอยู่ล่ะก็…
เราขอเสนอ คุ้งบางกระเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หรือ “The best urban oasis of Asia ปี2006” ให้เลยแล้วกัน
ที่นี่พวกนายจะได้เห็นอะไรเขียวๆชุ่มชื้นสายตาทั้งวัน แถมยังได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์เว่อร์ๆ และได้ฟิตร่างกายให้ปึ๋งปั๋งด้วยการปั่นจักรยาน และทั้งหมดที่พูดมานี้…ราคาเพียง 400 บาท สี่ร้อยบาทอ่ะเห้ย คุ้มกว่านี้ก็ไม่มีอีกแล้ว ไปกันเลยดีกว่าาาาาาาาาาาา
“คุ้งบางกระเจ้า” อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯค่ะ ไปได้หลายวิธี แต่วิธีที่สะดวกที่สุด คือ นั่ง BTS ไปลงสถานีบางนา จากนั้นออกประตูทางออก2 แล้วเรียกแท็กซี่เลย บอกพี่ๆไปวัดบางนานอก พี่เค้าก็จะขับตรงขึ้นไปนิดนึง พอถึงแยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรรพาวุธ ตรงมาเรื่อยๆ มิตเตอร์รันไปแค่ 55บาท ก็ถึงแล้ววววว นี่ถ้าไปกับเพื่อนอีกคนสองคน หารกันก็หวานหมู
พอถึงวัดบางนานอกแล้ว เดินเข้าไปไม่เกิน 20ก้าว พวกนายก็จะเจอกับท่าเรือ…ใช่ค่ะ เราต้องข้ามเรือไป เนื่องจากคุ้งบางกระเจ้ามีลักษณะเหมือนเกาะ มีแม่น้ำเจ้าพระยาล้อมรอบ มองจากมุมสูงลงมาก็จะเห็นคุ้งนี้เป็นก้อนเขียวๆ บางคนก็บอกว่าเหมือนรูปกระเพาะหมูค่ะ ส่วนท่าเรือคนจะเยอะหรือไม่เยอะขึ้นอยู่กับว่าพวกนายไปวันไหน ถ้าไปวันเสาร์-อาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ผู้คนครึกครื้น เพราะคนเค้าจะข้ามไปเที่ยวตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกันค่ะ เป็นตลาดไฮไลท์ของคุ้งบางกระเจ้า แต่ถ้าไปวันธรรมดาแบบเราก็เงียบสงบหน่อย พวกนายก็เลือกแบบที่ชอบเลยแล้วกัน : )
ค่าโดยสารเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัดบางนานอก ไปวัดบางน้ำผึ้งนอก ราคาคนละ 2 บาท ค่ะ ลงเรือมาปุ๊ป ก็เจอร้านเช่าจักรยานปั๊ป…เดินไปหน้าร้านปุ๊ป ก็พบว่าร้านปิดปั๊ป… ความจริงก็คือ รอบคุ้งบางกระเจ้ามีจุดให้เช่าจักรยานเต็มไปหมด แต่จุดที่สะดวกที่สุด คือ ท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก และท่ากำนันขาว (ในกรณีที่ข้ามเรือมาจากท่าเรือคลองเตย) แต่ในเมื่อมันปิด เราก็ต้องสรรหาร้านอื่นกันค่ะโชคดีที่แม่ค้าแถวท่าเรือแนะนำร้านเช่าจักรยานอีกร้านให้พวกเรา ร้านนี้ในตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เราเลยเรียกมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านนั้นเลย ค่ามอเตอร์ไซค์ก็ 20บาท คนขับเป็นคุณลุงน่ารัก ชวนคุยตลอดทาง คุณลุงบอกว่าร้านนี้จักรยานดี ปั่นไม่มีฝืดแน่นอนลุงรับประกัน
ร้านนี้อยู่หลังตลาดน้ำเลยค่ะ มีป้ายบอกอยู่ว่าร้านเช่าจักรยาน ส่วนค่าเช่าก็เหมือนกันทุกร้าน ถ้าเช่าเป็นชั่วโมงจะชั่วโมงละ 40บาท ค่ะ แต่ถ้าเหมาทั้งวันก็ 100 บาท หลังจากเลือกจักรยานที่เฟี้ยวโดนใจพวกนายได้แล้ว พี่ที่ร้านเค้าก็จะเอาแผนที่ของคุ้งบางกระเจ้ามาให้ ในแผนที่ก็จะบอกตำแหน่งสถานที่ที่น่าไปไว้ค่ะ ดูไม่ยากเลย พวกนายดูรู้เรื่องทุกคนแน่นอน แต่ก่อนจะปั่นไปก็อย่าลืมแลกบัตรประชาชนไว้กับทางร้าน แล้วตอนคืนจักรยานค่อยกลับมาจ่ายเงินกับรับบัตรคืนค่ะ
อ้าวเห้ย พร้อมยังอ่ะ พร้อมจะเปิดประสบการณ์นักปั่น ใจไม่หวั่นทุกเส้นทางยังเห้ย5555555555555 บอกก่อนว่าปั่นนี่ปั่นจริงจังหน่า เส้นทางไม่ธรรมดา ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยที่แรก ที่ “สวนศรีนครเขื่อนขันธ์” ปั่นออกมาจากร้านเช่าจักรยาน ออกไปทางถนนเพชรหึงษ์ 26 พอถึงแยกก็ปั่นไปทางเพชรหึงษ์ 33 ตอนปั่นนี่ต้องระวังกันนิดนึงเพราะเส้นนี้เป็นถนนใหญ่ ผ่านบ้านเรือน ผ่านร้านค้าไปเรื่อยๆ ตามทางจะมีป้ายบอกตลอด ไม่หลงแน่นอนค่ะ
มาถึงแล้ว “สวนศรีนครเขื่อนขันธ์” ก่อนจะเข้าไปปั่นกระจุยลุยกระจาย รบกวนพวกนายหยุดดูแผนที่กันก่อน ถ่ายรูปแผนที่เก็บไว้หน่อย จะได้ดูได้ว่าอยากไปตรงไหนมั่ง แต่อย่างเรางี้อยากปั่นให้ทั่ว ถ่ายรูปแผนที่ไว้ก็จริง แต่พอถึงเวลาปั่นก็ปั่นไปเรื่อยๆ ปั่นไปตรงนู้น โผล่ไปตรงนั้น วนมาตรงนี้ โอ๊ย เพลินค่ะ แถมได้เจอกรุ๊ปฝรั่งที่มาปั่นจักรยาน เรานี่ยิ่งเพลินสายตาไปอีก5555555555 ดูรูปที่เอามาฝากละกันค่ะ หวังว่าจะถูกใจ กระตุ้นให้พวกนายไปด้วยตัวเองได้
ป.ล. ปกติคนที่มาสวนศรีจะต้องปั่นไปต่อที่พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยค่ะ ก็จะได้เห็นปลากัดหลายชนิด สีสวยๆทั้งนั้นเลย ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ก่อนเขาเปิดทุกวันค่ะ แต่ปัจจุบันเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ เราก็เลยไม่ได้ไป ถ้าใครไปวันเสาร์หรืออาทิตย์ก็อย่าลืมแวะไปนะ น่าสนใจอยู่
ปั่นจนรอบสวน ไม่รู้รอบจริงรึเปล่า แต่ในความรู้สึกคือทุกซอกทุกมุมแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ วัดบางกระเจ้านอก แต่ขณะที่กำลังปั่นจากสวนศรีไปวัดบางกระเจ้านอก ร้านกาแฟร้านนึงก็เตะตาพวกเราเข้าให้ เลยตัดสินใจแวะกันซะหน่อย…ร้านนี้มีชื่อว่า “กาแฟในบ้าน” ค่ะ บรรยากาศของร้านก็ตามชื่อร้านเลย คือเหมือนพวกนายเข้าไปกินกาแฟในบ้าน ส่วนจะบ้านของตัวเองหรือของเพื่อนนั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่เราและเพื่อนสั่งไป 3 เมนู อร่อยทั้งเมนู แถมราคายังสบายกระเป๋า ตกแก้วละ 30-40 บาทเท่านั้นเอง คิดซะว่านั่งพักชาร์จพลังกันหน่อย แล้วค่อยไปลุยกันต่อค่ะ
ออกจากร้านกาแฟพวกเราก็ปั่นต่อไปที่วัดบางกระเจ้านอกค่ะ หาไม่ยากเหมือนกัน มีป้ายบอกข้างทางตลอด หรือจะใช้ Google map ก็ได้ค่ะแล้วแต่สะดวกเลย… พอมาถึง จอดจักรยานเรียบร้อย พวกเราก็พุ่งตัวไปที่ท่าเรือเลยค่ะ เพราะ เป้าหมายของเราในการมาเยือนวัดนี้ก็คือ การหาท่าเรือที่มีวิวสวยๆ แหมะ ท่านี้ตอบโจทย์มากค่ะ มองไปเห็นตึกฝั่งตรงข้ามเรียงกันเป็นแถบเลย ไหนๆก็มาแล้วยืนพักให้ลมตีหน้ากันหน่อยค่ะแล้วค่อยไปต่อ
ในเมื่อท้องมันส่งเสียงร้องมา พวกเราก็ต้องหาอะไรไปสนองมันค่ะ สถานที่ต่อไปจึงเป็นที่ที่เราจะไปกินข้าวกัน ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือร้านขนมแต่อย่างใด มันคือรีสอร์ทในคุ้งบางกระเจ้า ซึ่งบรรยากาศดีมากมากมากมากกกกกกกกกกกกกกกกก ออกแบบได้ลงตัว เหมือนความโมเดิร์นที่ผุดขึ้นมากลางป่า ที่นี่คือ “Bangkok tree house” ค่ะ เหมาะมากสำหรับคนที่เบื่อความวุ่นวายในเมือง ต้องการเห็นแม่น้ำ ต้องการต้นไม้ล้อมรอบ และอยากหาที่พักผ่อนใกล้กรุงเทพสักคืน
เดินไปริมน้ำกันหน่อยดีกว่า
ส่วนใครที่ไม่ได้ค้างคืนก็มานั่งกินข้าวถ่ายรูปแบบเราได้ อาหารบอกเลยว่าเด็ด สั่งมา 3 เมนู ด็ดทั้ง 3 เมนู อีกแล้วคุณ เช็คลิ้นตัวเองแล้วด้วยว่ามันอร่อยเพราะหิว หรือมันอร่อยเพราะมันอร่อย ปรากฏว่ามันอร่อยเพราะมันอร่อยจริงๆค่ะ ค่าอาหารก็ไม่แพง ถือว่าคุ้มค่า กินกัน 3 คน หารแล้วตกคนละ 180 บาท ส่วนทางไปที่รีสอร์ทนี้ถามใครก็ได้ วินมอไซด์ก็รู้ค่ะ แต่ทางที่ดีที่นี่เราไม่แนะนำให้ไปตามทาง Google Map เพราะเราไปมาแล้ว ไอไปถึงอ่ะมันถึง แต่ความสมบุกสมบันนี่อื้อหืมมมมมมมมมมมม อย่าดีกว่าค่ะ ถามคนอื่นหรือดูแผนที่ที่ได้มาตอนแรกง่ายกว่า
ก่อนกลับก็ขอแวะอีกหนึ่งไฮไลท์ของคุ้งบางกระเจ้ากันหน่อย นั่นก็คือ “บ้านธูปหอมสมุนไพร” ค่ะ ที่นี่อยู่ใกล้กับ Bangkok tree house มาก ออกมาจากรีสอร์ทก็มีป้ายบอกตลอด บ้านธูปหอม เป็นแหล่งผลิตธูปหอมโดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบางน้ำผึ้ง ที่ใช้วัตถุดิบจากสมุนไพรท้องถิ่นมาผลิตค่ะ ถ้าใครอยากไปทำธูปหอมเป็นของตัวเองก็ไปได้เลยที่นี่ มีสอนทำผ้ามัดย้อมด้วยด้วยนะจะบอกให้
ปั่นกันพอสมควรแล้ว…
อ้อ…สนุกพอสมควร?
เหนื่อยพอสมควรเนี่ยไอบ้า !!
ปั่นเสร็จก็เอาไปคืนที่ร้านเช่าจักรยานค่ะ แลกบัตรประชาชนคืนมา แล้วเตรียมตัวไปขึ้นเรือกลับกรุงเทพฯ แต่ขากลับพวกเราอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็เลยไปขึ้นเรือกลับกันอีกท่านึง ที่ท่า “ท่ากำนันขาว” เพื่อไปลงที่ “ท่าเรือคลองเตย” ค่ะ ค่ามอเตอร์ไซด์จากร้านเช่าจักรยานไปท่าเรือก็แค่คนละ 30บาท ค่าเรือข้ามไปอีก 5บาท โดยรวมแล้วทริปนี้เราใช้เงินไป 400 บาทค่ะ
เป็นไงล่ะ 400นี่ไปนั่งกินข้าวในเมือง ไม่รู้จะพอรึเปล่าเลย นี่ออกนอกเมืองมาหน่อย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกกำลังกาย และได้ไปเห็นอะไรใหม่ๆ คุ้มค่ากว่านี้ไม่มีแล้วม้างงงงงงงงง ใครว่างๆอยู่ก็ให้ “คุ้งบางกระเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ” เป็นตัวเลือกหนึ่งของพวกนายได้นะ : )