มองหารีวิวเที่ยวยุโรปแบบละเอียดยิบ
ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย การเดินทาง ที่พัก ที่เที่ยว
ต้องรีวิวนี้เลยยยยยยย ปิงรวมไว้ให้หมดแล้ว
ใน 15 วัน ปิงไปมาตามนี้เลย…
– ออสเตรีย : Hallstatt, Salzburg
– อิตาลี : Naples – Capri island, Palermo, Milan
– สเปน : Barcelona
ขอบอกก่อนว่าโตมา 25 ปี ทริปนี้เป็นทริปที่
ครบรสที่สุด! ไปหมด ทั้งทะเลสาบ ภูเขา เกาะ
ในเมืองก็เที่ยวทั้งตลาด มิวเซี่ยม พระราชวัง คาเฟ่
แลนด์มาร์คเยอะแยะมากมาย นอนตั้งแต่ B&B
โฮสเทล ไปจนถึงโรงแรมหรูเริ่ด! ขึ้นรถบัส
รถราง รถไฟ เรือ เครื่องบิน สุดจริงค่ะทริปนี้
ก็.. ใครที่สนใจจะตามรอยทั้งทริป ก็เริ่มอ่านได้
ตั้งแต่รีวิวนี้แหละ หรือถ้าใครอยากตามรอยแค่
บางเมือง / บางประเทศ ก็เลือกอ่านได้ตามใจชอบ
และจะมีวิดีโอ (vlog) ตอนปิงไปเที่ยว มาให้ดูอีก 2 ตอน
ฝากติดตามที่เพจ Bliss Out There ด้วยค้าบ
ภูมิใจนำเสมอมั่กๆทริปเน้ <3
https://www.facebook.com/BlissOutThere/
พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยกับ EP. แรก
3 วัน 4 คืน ในเมือง Hallstatt – Salzburg
ประเทศออสเตรีย! แกรรรร มันเป็นการเริ่มทริปที่ดีมาก
เพราะบรรยากาศของ 2 เมืองนี้คือชิลล์ slow life
บ้านเมืองน่ารัก นักท่องเที่ยวไม่เยอะเกิน
แถมไม่ร้อนเท่าอิตาลีและสเปน เรียกได้ว่า
เที่ยวเพลินๆ เดินถ่ายรูปสวยๆได้ทั้งวันค่ะ :- D
** ค่าใช้จ่าย ต่อคน เฉพาะเที่ยวออสเตรีย **
( อันนี้ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินนะจ๊า กับ หน่วยเป็นยูโร
ช่วงที่ปิงไป 1 EUR = 34 THB ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่
หาร 3 นะคะ เพราะไปกัน 3 คน อิ_อิ )
1. ค่าซิมการ์ด 29.90 EUR
ใช้ได้ทุกประเทศในยุโรป นาน 1 เดือน
ปิงซื้อที่ห้างใกล้ๆกับสถานี Central ใน Salzburg
2. ค่าที่พัก Jufa Hotel 2 คืน 232 EUR รวมอาหารเช้า
ตกคนละ 77.33 EUR + Apartment House Seerose
2 คืน 230 EUR ไม่รวมอาหารเช้า ตกคนละ 76.67 EUR
3. ค่าเดินทาง 70 EUR ( รถบัส รถไฟ taxi ทุกรอบ )
4. ค่ากิน 70.95 EUR
5. อื่นๆ : กระเช้าไปกลับ Dachstein Mountains 32 EUR
ค่าเข้า Mozart Birthplace 11 EUR
——– รวม 367.85 EUR / 12,507 THB ——–
ดูค่าใช้จ่ายกันไปเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเที่ยวกันเล้ย!
ทริปของเราจะหน้าตาแบบนี้ค่ะ Salzburg 1 คืน >
Hallstatt 2 คืน > Salzburg 1 คืน เพื่อเราจะได้เที่ยว
Hallstatt / เมืองมรดกโลก ไฮไลท์ของเราแบบคุ้มๆ
และเพื่อไม่ให้ทริปเหนื่อยจนเกินไป ( เพราะเราไปกับคนสูงวัย )
ก็ พอมาถึงสนามบิน Salzburg ปิงเรียก taxi ไปที่สถานีรถไฟ
Central ของเมือง เพราะต้องไปรับแม่ + เพื่อนแม่ ที่นั่น
เค้านั่งรถไฟมากันจากมิลาน ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่
สนามบินไม่มีร้านขายซิมการ์ด ปิงเลยได้มาซื้อที่ห้างข้างๆ
สถานีรถไฟ พอเจอเพื่อนร่วมทริปทั้งสองคน เราก็ซื้อตั๋วรถบัส
และ นั่งไปลงที่ที่พักของเรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟ
ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาที ก็ถึงแล้วววววววววว..
JUFA HOTEL Salzburg City
เป็นโรงแรมกึ่งโฮสเทล ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว
แบบเรามาก เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมือง และ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวก
ขั้นพื้นฐานครบ ในราคาต่อคืนที่น่าร้ากกกกกก
ที่ชอบมากคือบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า แบบกำลังดี
ไม่มาก ไม่น้อยไป เรานอนที่นี่คืนแรก แล้วเดี๋ยว
กลับมานอนอีกทีหลังจากไปเที่ยว Hallstatt
หน้าตาห้องก็ประมาณนี้แหละ ใครสนใจลอง
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของที่พักเลย
https://www.jufa.eu/en/hotel/salzburg/
ป.ล. ราคาแต่ละคืนไม่เท่ากันเด้อออออ
ห้องอาหารเช้าของเรา.. ท่าดาาาาาาาาาาาาา!!
เค้าจะเสิรฟ์เป็นพวกแฮม เบคอนหลายๆแบบ
มีชีสให้เลือกหลายแบบเช่นกัน กินกับไข่คน
สลัด ซีเรียล โยเกิร์ต ผลไม้ และ ขนมปังนานาชนิด
ง่ายๆแค่นี้แหละที่ต้องการ กินให้อิ่มแล้วเราไป
ขึ้นรถไป Hallstatt กันคร้าบบบบบบ
จากที่พัก พวกเรานั่งบัสกลับไปที่สถานี Central
เพื่อขึ้นบัสไปยังเมือง Hallstatt ค่ะ แต่ช้าก่อน
ขอปิงเล่าหน่อยว่า จาก Salzburg มันมีวิธีไปได้
2 วิธี คือ รถบัส กับ รถไฟ โดยขาไปปิงลองนั่ง
รถบัส ที่ต้องไปต่อถึง 3 รอบ และ ขากลับเราจะ
ลองนั่งรถไฟกัน นะจ๊ะ… จากสถานี Central ให้
ขึ้นบัสสาย 150 ไปลงสถานีปลายทางชื่อ
Bad Ischl Bahnhof แล้วต่อสาย 542 ไปลง
Gosaumuhle และเปลี่ยนเป็นสาย 543 ไปลงที่
Hallstatt Lahn สถานีหลักของเมือง Hallstatt
แต่ปิงพักที่ Obertraun ก็จะเลยไปอีกนิดนึง
แต่ว่าสายเดียวกันค่ะ ไม่อยากตกรถ / ขึ้นผิดคัน
ลองเข้าไปดูตารางรถและจุดจอดรถได้ในลิงก์นี้
https://www.bigboytravel.com/europe/austria/hallstatt/gettingtohallstatt/
ฮี่ฮี่ มาถึงแล้วววววววววววว ที่พักของเรา :- 3
ที่เราเลือกพักที่ Obertraun เพราะว่ามันถูกกว่าที่พัก
ใน Hallstatt และมันก็อยู่ห่างกันแค่ 2 ป้ายรถบัสเท่านั้น
ไม่มีปัญหาเรื่องเดินทางไปเที่ยวเลย ข้อดีอีกอย่างคือ
โซนนี้สงบ แถมติดกับทะเลสาบสวยๆด้วยแหละ
ส่วนที่พักของเรา ชื่อ Apartment House Seerose
เป็นที่พักเล็กๆน่ารัก ตึกเดียวนี่แหละ พนักงานดูแล
ใกล้ชิด และ เป็นกันเองมากๆ ฟีลเหมือนมานอนบ้านเพื่อน
วิวจากระเบียงห้อง ก็คือ ดีย์..
พอมาถึง เช็คอิน พวกเราก็จ่ายค่าอาหารเช้าเพิ่ม
คนละ 12 EUR แล้วก็เก็บของ พร้อมออกไปหาของกิน!
ใครสนใจก็เข้าไปดูในลิงก์นี้เลยฮะ http://seerose-obertraun.com/
ด้วยความที่เลเวลความหิวกระหายของเราสูงมาก
เราเลยเลือกกินร้านใกล้ๆที่พัก เป็นร้านพิซซ่าโฮมเมด
ซึ่งโอเคเลยทั้งรสชาติอาหาร และ ราคา เราสั่งมา 3 อย่าง
คือ พิซซ่ามาร์เกริต้า สลัดผักรวม และ สปาเก็ตตี้น้ำมันมะกอก
หารแล้วตกคนละ 10 EUR นิดๆ อิ่มเลยจ้าาาาาาาาาา
ก่อนเข้าไปเที่ยวใน Hallstatt ขออนุญาตเดินให้ย่อย
รอบๆที่พัก แล้วก็ไปเจออีกด้านนึงของทะเลสาบ Hallstatt
ซึ่งสวยและสงบมากกกกกก มีคนมานอนเล่น ปิกนิก
เล่นน้ำ พายคายัค บรรยากาศชิลล์ๆแบบนี้คือเลิฟเลย <3
เราเดินเล่น ถ่ายรูปกันพอสมควร แล้วก็ตัดสินใจ
ปะ! เข้าเมืองกันนนนนนน แต่ตอนนั้นมันไม่มีรถบัสแล้ว
มีอีกทีตอนเย็นเลย โชคดีที่หันไปเห็นป้ายโฆษณา
taxi ท้องถิ่น เลยโทรสอบถามราคาดู เค้าคิด 15 EUR
3 คน ตกคนละ 5 EUR นี่เลยตอบตกลง แล้วเค้าก็มารับเลย
ส่งพวกเราถึง Marktplatz อย่างรวดเร็ว เยยยยยยยย้
นี่คือที่รวมร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม
และบ้านเรือน ไว้ริมทะเลสาบ Hallstatt ตลอดทาง
คือมีอะไรให้ดู ให้ถ่ายรูป ไม่เบื่อเลย ที่ชอบสุดคือ
รูปทรงและสีของบ้านเรือนที่นี่ มันน่ารัก ชวนให้มองง่ะ
ใครอยากพายคายัค หรือ เช่าเรือถีบ เค้าก็มีให้น้า
โดนไอศกรีมโฮมเมดไปคนละ 1.5 EUR เบาๆ :- p
ยิ่งเดิน ยิ่งเจอมุมสวยๆ แง๊ >//<
ขอเจ้รูปนึงงงงงงงง..
แล้วเราก็เดินมาถึง Market Square หรือ
จัตุรัสของเมือง Hallstatt เป็นอีกมุมที่คนที่มาเที่ยว
เมืองนี้พลาดไม่ได้ เพราะสีของตึกบริเวณนี้เข้ากันมาก
แถมมีพื้นหลังเห็นชัดเจนว่าหมู้บ้านอยู่ในหุบเขา
เดินเลยไปหน่อยจะเป็น Hallstatt Lutheran Church
หรือโบสถ์ประจำเมือง Hallstatt นั่นเอง โบสถ์ไม่ใหญ่
ด้านในตกแต่งปกติเลย เข้าไปแว๊ปดู หรือ นั่งพักได้
จุดขายเค้าจะอยู่ที่ความสูงของยอดโบสถ์ ที่ไม่ว่าเราจะอยู่
ตรงไหนของ Hallstatt เราก็จะมองเห็นเจ้ายอดแหลมๆนี้
วันนี้พอเท่านี้แหละ เหนื่อยตั้งแต่ต่อรถ 3 รอบแล้ว5555555
ขอซื้ออะไรง่ายๆจากซุปเปอร์กับไปนั่งกินที่ที่พัก
และนอนเอาแรง พรุ่งนี้จะตื่นมาเที่ยวทั้งวัน อย่าเพิ่ง
คลิกออกไปไหนล่ะ ความดีงามยังรออยู่เพียบ :- D
มาค่ะ! เช้าวันที่สองใน Hallstatt เมืองที่โรแมนติก
ที่สุดในสามโลกกกกกกกกกกกก ( ขนาดนั้นเลย? )
ภารกิจแรกของเราวันนี้ ไม่ใช่การทารมื้อเช้าที่ที่พัก
แต่เป็นการแหกขี้ตาตื่นไปจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง
เพราะถ้าเราไประหว่างวัน บอกเลยว่า.. คนเป็นล้านนนน
ยากมากที่จะได้รูปสวยๆแบบไม่ติดคน เราเลยเรียก
Taxi คันเดิม55555555 มารับที่โรงแรมตั้งแต่ 7 โมง
แล้วบึ่งไปที่ Classic Village Viewpoint หรือ
Postcard Angle ค่ารถ 3 คน แค่ 19 EUR เท่านั้นเอง
วิวคือสวยมาก ก.ไก่ล้านตัว ดูเอาเอง ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ…
ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอจนหนำใจ เราก็เดินเล่น
เลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ เพื่อรอนั่งรถบัสรอบแรก
กลับที่พัก ไปถึงเค้าก็เตรียมมื้อเช้ารอเราไว้แล้ว
น่ารักกุ๊กกิ๊กมากๆ เราสามารถเลือกตักเองได้เลย
หน้าตาอาจจะดูธรรมดา แต่รสชาติอร่อยสุดๆ
โดยเฉพาะไส้กรอก อร่อยมาก อยากถามเค้าว่า
ซื้อมาจากไหนหรอคะ แต่ก็รู้ว่าเราตามไปซื้อ
ไม่ได้อยู่ดี555555555555 พอกินเสร็จเราก็
ขึ้นไปพักบนห้องแป๊ปนึง ก่อนที่จะไปลุย
สถานที่ต่อปายยยยยยยย :- )
จากที่พัก ให้เสิชบน google map ว่าไป
Dachstein Salzkammergut นะคะ
มันเป็นทิวเขาที่มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลย
ตั้งแต่เดินดูธรรมชาติตามเส้นทางต่างๆ
เข้าถ้ำ ส่องสัตว์ หรือ ไปตามจุดชมวิวสวยๆ
ถ้ามาช่วงหน้าหนาวก็จะได้อีกฟีลนึง ภูเขาจะ
ขาวโพลนเลย แต่นี่ปิงไปหน้าร้อน ก็ยังมีหิมะ
ที่ไม่ละลายอยู่นะ อ่ะ.. ไว้ว่ากัน กลับมาๆๆๆ
ก่อนอื่นคือ เรานั่งรถบัสไปลงที่จุดขายตั๋ว
ขึ้นกระเช้า ซื้อแบบไปกลับ คนละ 32 EUR ค่ะ
ภาพตอนที่อยู่บนกระเช้า :- )
ด้วยความที่เรามีเวลาจำกัด และผู้ใหญ่ทั้ง 2 คน
ที่ไปด้วยเดินมากไม่ได้ เราเลยเลือกไปเดินดูวิว
บนเขา และไปจุดชมวิวที่ชื่อ 5 fingers ค่ะ
ซึ่งแค่นี้ก็คุ้มแล้วนะเอาจริง! คือวิวสวยมากกกกก
กว้างใหญ่มากด้วย มองลงไปเห็นทั้งแม่น้ำและ
ทะเลสาบ เดินนานหน่อยกว่าจะมาถึงจุดชมวิว
แต่พอถึงแล้วก็หายเหนื่อยเลยแหละ <3
ข้อมูลเรื่องกิจกรรมอื่นๆ เข้าไปดูได้ที่ลิงก์นี้จ้า
https://dachstein-salzkammergut.com/
ที่เรียกว่า 5 fingers ก็เพราะจุดชมวิวมันเป็น
ฐานเหล็กที่ยื่นออกไปจากภูเขา เหมือนนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว
แบบในรูปเลยค่ะ >//<
พอลงมาจากภูเขา พวกเราก็นั่งบัสกลับที่พัก
บอกแล้วว่าทริปนี้เราเน้นชิลล์ โปรแกรมไม่แน่น
แต่แต่ละที่ที่ไปคือคุณภาพค่ะ5555555 กลับมาก็
หาร้านอาหารทานริมทะเลสาบใกล้ที่พัก เป็นร้าน
เดียวกับที่ให้คนเช้าคายัค อุปกรณ์กีฬาทางน้ำทั้งหลาย
ขอเม้าท์หน่อยว่าบรรยากาศดี แต่บริการแย่
คือพนักงานแบบ ไม่สนใจลูกค้าเลย เรียกตั้งหลายรอบ
หน้าตา น้ำเสียงก็เหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลา
สลัดปลา กับ ปลาทอด ที่สั่งมาถือว่าใช้ได้
เป็นปลาในพื้นที่ รสชาติแปลกใหม่ไม่เคยลอง
ส่วนก๋วยเตี๋ยวรสชาติเหมือนมาม่าเกาหลี..
บิลออกมา คนละ 14 EUR กว่าๆ รวมๆคือ
แนะนำให้ไปลองร้านอื่นค่ะ ขอบ่นแค่นี้ เพราะ
คืนนี้ต้องรีบนอน พรุ่งนี้ตื่นเช้า เข้าไปเที่ยวต่อ
ใน Salzburg บายยยยยยยยยยยย -.,-
แล้วก็ได้เวลา Say Goodbye to เมืองที่น่ารักที่สุด
ที่ปิงเคยไปมาบนโลกนี้ ฮือออออออออ T_T
ปิงรับประกันว่าทุกคนต้องชอบเมืองนี้ มันมีความ
อบอุ่น มีเสน่ห์ ลงตัว ชิลล์ได้ เที่ยวได้ ถ่ายรูปลง
โซเชียลได้ แบบตรงสเป๊คคนไทยอ่ะปิงว่า
แต่ไหนๆมาแล้ว จะไม่เที่ยวเมืองพี่เมืองน้องอย่าง
Salzburg ก็ยังไงๆอยู่ วันนี้เรานั่งรถไฟกลับไป
Salzburg เก็บของที่ Jufa Hotel ( โรงแรมเดิม )
แล้วออกไปลุยกันนนนน ไปค่ะ !!! เราขึ้นรถไฟ
จาก Obertraun ไป Salzburg Central Station
มีเปลี่ยนสายครั้งนึง ราคาคนละ 14.6 EUR
พวกเรามาถึงที่พักเกือบเที่ยง รีบเก็บของ
แล้วก็ออกไปเที่ยวเลย โดยเราซื้อตั๋วรถบัสแบบ
ที่ใช้ได้ทั้งวัน ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว จากที่สถานีรถไฟ
ราคาแค่ 2 EUR เท่านั้นเอง ที่แรกของวันนี้ชื่อว่า
Makartsteg Bridge เป็นสะพานที่คู่รักเค้ามา
คล้องกุญแจกัน ประมาณว่าคล้องหัวใจของเราให้
อยู่คู่กันตลอดไป… ส่วนตัวเคยคล้องละ ไม่เวิร์ค
5555555555 แต่ก็นะ พอคนเอามาคล้องเยอะๆ
มันก็สวยดี สะพานนี้เป็นแค่หนึ่งในหลายๆสะพาน
ที่คนเอาไว้ข้ามแม่น้ำชื่อ Salzach ซึ่งไหลผ่าน
กลางเมือง Salzburg เลย แวะมาถ่ายรูปกันนะ :’)
ข้ามสะพานมาแล้ว เดินต่อไปอีกหน่อย
ก็จะถึงที่ทานมื้อกลางวันของเราวันนี้
นั้นก็คือ Cafe Tomaselli ร้านนี้เป็นหนึ่งใน
local cafe ที่ดีที่สุดในเมือง Salzburg
ท้าให้เสิช google เลย นางติดอันดับเกือบทุกเว็บ
ยังม่ต้องเข้าไปนั่งก็ขนลุกแล้ว เพราะด้านนอกร้าน
สวยชิคมาก ตัวร่มสีเขียวอมฟ้าสดใส ตัดกับผนัง
ตึกสี เทา เหลือง ได้แบบ.. ดี และ ละมุนมาก
จะนั่งด้านในก็ได้ นั่งด้านนอกก็รับแดดอ่อนๆดี
พอนั่งสักพักก็จะมีพนักงานเอาเมนูมาให้
ถ้าอยากทานอาหาร กับ เครื่องดื่ม ก็สั่งกับเค้าได้เลย
แต่ถ้าอยากชิมเค้ก ( ซึ่งแนะนำให้ชิม เพราะเค้กเค้าดัง )
เค้าจะเรียกพนักงานอีกคนมาให้ พร้อมตู้กระจก
เล็กๆที่เต็มไปด้วยเค้กหลากหลายรสชาติ
เราสามารถถาม ให้เค้าอธิบายได้เลย ว่าเค้ก
อันไหน รสอะไร เค้าแนะนำอันไหน ไรงี้
** ซีนตอนเค้ายกเค้กมาให้เลือก จะอยู่ในวิดีโอ
ฝากติดตามดูกันด้วย ที่หน้าเพจ Bliss Out There **
ปิงสั่งเค้กไป 2 ของคาวมาแชร์กัน 1 และ
เครื่องดื่มคนละแก้ว บิลออกมาไม่ถึง 30 EUR
ก็ถือว่าโอเคสำหรับร้านระดับนี้ อันนี้เว็บของร้าน
เผื่อใครอยากเข้าไปส่อง http://www.tomaselli.at/en/caf%C3%A9-tomaselli-en
จากคาเฟ่สุดสวยชิคนี้ เราเดินออกมาริมถนนใหญ่
และนั่งบัสไปยัง Mirabell Palace and Gardens
สวนสาธารณะที่สวยงามที่สุดในเมือง ( ถ้าถามปิงคือ
มันสวยจนแบบ เทียบกับหลายๆที่ในโลกได้เลยนะ )
สถานที่นี้มีความคลาสสิกตรงที่ มันเคยเป็นฉากประกอบ
ภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music ทั้งตัวสวนและ
พระราชวัง ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรค
ไม้ดอก ไม้ประดับ น้ำพุอลังการ จัดเต็มมาก
สาวๆสายหวาน ใส่เดรสมาถ่ายรูป คงฟินน่าดูแหละ
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.salzburg.info/en/sights/top10/mirabell-palace-gardens#price-acc-detail-1
ถึงจะมีเวลาเที่ยว Salzburg แค่ครึ่งวัน
แต่พลังเรายังไม่หมดค่ะ.. ไปปปปป เราไปต่อกันที่
Getreidegasse ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้
ไม่จำเป็นต้องช้อปอะไร แค่ได้มาเห็นบรรยากาศ
ถ่ายรูปกับตึกสวยๆก็คุ้มแล้ววววว :- D
งุ้ย แสงเข้าตา ตาตี่เลยยยยย :- p
ถ้ามีเวลาปิงแนะนำให้เข้าไปดู Mozart Birthplace ด้วย
เพราะว่ามันอยู่ในย่านนี้เลย Mozart เป็นนักประพันธ์เพลง
ชาวออสเตรีย ที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก ไม่ว่าจะผ่านไป
กี่ปีๆเค้าก็ยังเป็นหนึ่งในตำนาน และนี่คือบ้านเกิดของเค้า
ที่รวมข้าวของเครื่องใช้ ประวัติ ผลงาน ของเค้าไว้ครบ
ค่าเข้าชม 11 EUR ค่ะ เสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูปด้านใน
ปิงเลยได้แต่สปอยนะ เปิดทุกวัน 9.00 – 17.30 น.
นี่เว็บ https://mozarteum.at/en/museums/mozarts-birthplace/
เราจบด้วยมื้อเย็นง่ายๆที่ร้านอาหารเอเชียใน
ย่านนี้แหละ ชื่อ Kim 168 ถ้าจำไม่ผิด เค้าขาย
อาหารญี่ปุ่น เกาหลี ไทยรวมกัน นี่สั่งอาหารไทย
มากิน มีต้มยำกุ้ง ข้าวผัด ผัดไท ไม่มีอะไรรสชาติ
เหมือนอาหารไทยเลย5555555555 เพราะฉะนั้น
ไม่แนะนำ! ก็นั่นแหละทั้งหมดทั้งมวลของเมือง
Hallstatt + Salzburg ในประเทศออสเตรีย
พรุ่งนี้ / EP. 2 เราจะบินไปต่อกันที่ประเทศอิตาลี
ทั้งเกาะ Capri เมือง Palermo และ Milan
บอกเลยว่าดีงามมมมมม ไม่แพ้ EP. แรก
ฝากติดตามอ่านกันด้วยน้าาาาา <3
ใครยังไม่ได้กด like เพจ Bliss Out There
ฝากเข้าไปกดด้วยคับ https://www.facebook.com/BlissOutThere/
ใครสงสัยอะไรก็ inbox มาถามได้น้า ตอบได้ตอบให้
รักคนอ่านมากๆๆๆๆๆๆๆๆ :- )