เที่ยวเมืองอุทัยฯ ตามสไตล์คนไม่มีรถ : 3วัน 2คืน งบ 2,500 บ. / คน

คนอุทัยน่ารัก บ้านเมืองชิล อาหารการกินดีเลิศ แนะนำให้ไปทำรู้จักจังหวัดนี้สักครั้งค่ะ :}

 

สารภาพเลยว่าก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักที่เที่ยวในอุทัยฯเลยนอกจากห้วยขาแข้ง
แต่ปลายปีที่แล้วเห็นที่พักหนึ่งในเน็ตชื่อ ‘บ้านสวนจันทิตา’ แล้วรู้สึกว่าต้องโดนว่ะ
ด้วยความที่ขับรถไม่เป็น เราเลยมานั่งหาว่าเอออออออออ๊ ไปอุทัยฯแบบไม่มีรถนี่เที่ยวไหนได้บ้าง
สุดท้ายออกมาเป็นทริปกิน + เที่ยวในอำเภอเมือง จ.อุทัยฯ ที่เก๋ไก๋ชไนเดอร์สุดๆ
มีเวลา 3วัน 2คืน มีเงิน 2,500 บ. รถไม่ต้องมี พี่ๆก็ไปเฟี้ยวได้!

 

อ่ะไหนมาดูซิว่างบ 2,500 บ. / คน นี่มาจากไหน
1. ค่ารถตู้ไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุทัย 300 บ.
2. ค่าที่พักคืนแรก 800 บ. / 2 คน (คนละ 400 บ.) ที่ ‘กลางเมืองวิลล่า’
3. ค่าที่พักคืนที่สอง 2,500 บ. / 2 คน (คนละ 1,250 บ.) ที่ ‘บ้านสวนจันทิตา’
4. ค่ารถสามล้อ 160 บ.
5. ค่ากิน ค่าดื่ม แบบจัดเต็ม ประมาณ 450 บ.

 

เมื่อเงินในกระเป๋าพร้อม เราก็ออกเดินทางกันเลย !
เริ่มจากไปขึ้นรถตู้ที่อนุฯ คิวใต้ทางด่วนข้างร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร หน้าตาแบบนี้…

 

 

ค่ารถคนละ 150 บ. ค่ะ นั่งมาประมาณ 3 ชั่วโมง พวกเราก็ถึงบขส. จังหวัดอุทัยธานี แล้ววววว ^3^
ภารกิจแรกในวันนี้คือการพิชิตยอดเขาสะแกกรังงงงงงง!!(ทำเสียงตื่นเต้นหน่อยๆ) เราจะขึ้นไปดูวิวเมืองอุทัยฯ + ไหว้พระที่ ‘วัดสังกัสรัตนคีรี’ กันค่ะ ทางขึ้นเขามี 2 ทาง คือบันได 449 ขั้น กับทางที่รถวิ่ง หึหึ ระดับเราอ่ะหรอจะนั่งรถขึ้น…ใช่555555 ไหนๆพี่สามล้อเขาก็ส่งสายตามุ้งมิ้งให้เราตั้งแต่ลงรถตู้แล้วอ่ะเนอะ ไปกับพี่เค้าหน่อยแล้วกัน

 


 

พี่สามล้อพาเรากับเพื่อนไปยอดเขาสะแกกรังแล้วรอรับมาส่งที่ที่พัก ในราคา 200 บ. (หารกันตกคนละ 100 บ.)

 

 

จากบขส.มายอดเขาใช้เวลาแค่ 10-15 นาทีเท่านั้นค่ะ พี่แกก็ขับปกตินะ ไม่ได้เร็ว ไม่ได้ดริฟรถอะไร แป๊ปเดียว ถึงและ… ว้าวววววววววววววววววว เมืองเลโก้55555555555

 


 

ดูวิวเสร็จแล้วเราเข้าไปสักการะพระพุทธรูปในวัดกันค่ะ ภายในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองอุทัยฯมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม และ ศาลารัชมังคลาภิเษก ที่รวบรวมพระพุทธรูปในยุคต่างๆไว้ และยังมีมณฑปที่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองด้วย

 






 

นี่… อย่าลืมมาตีระฆัง 100 ปี / ระฆังศักดิ์สิทธิ์ นะ อยู่ด้านหน้ามณฑป สร้างตั้งแต่สมัยร.5
เขาบอกตีแล้วเป็นสิริมงคลกับชีวิต ตีแล้วชีวิตดี๊ดี

 

 

ให้ข้อมูลเพิ่มนิดนึงคือ คนอุทัยฯเขายกให้ยอดเขานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 (ต.ค.) ของทุกปี จะมีงานตักบาตรเทโวจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ใครสนใจก็มาดูกันได้ๆๆๆ… จากยอดเขา พี่สามล้อส่งเราที่ ‘กลางเมืองวิลล่า’ อยู่บนถนนท่าช้าง เป็นที่พักของพวกเราในคืนนี้ แล้วพี่แกมีการให้เบอร์ไว้ด้วยเผื่อจะเรียกพี่แกอีก 081-740-5739 แล้วก็ได้เรียกจริงๆ55555 (ใครสนใจเมมเบอร์นี้ไว้นะคะ บริการดี คุยง่าย ไม่ได้ค่าโฆษณาเด้อ)

 

 

กลางเมืองวิลล่ามีห้องพัก 2 แบบค่ะ แบบแรก คือ บ้านเดี่ยว มีทั้งหมด 10 หลัง (เราพักแบบนี้) ราคา 800 บ. / คืน พักได้ 2 คน เพิ่มได้ 1 คน 150 บ. / คืน ค่ะ แบบที่สอง คือ เรือนแถว มี 5 ห้อง ราคา 600 บ. / คืน พักได้ 2 คน ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้ว ส่วนตัวคิดว่าคุ้ม เพราะเดินทางสะดวกมาก เดิน 15 นาทีถึงตัวเมือง ห้องพักสะอาด บริการดี และที่สำคัญ มี wifi ค่ะ! แปะเพจของที่พักไว้ให้แล้วกัน https://www.facebook.com/KMV.Uthaithani/?fref=nf ถ้าอยากหาตัวเลือกอื่นเราแนะนำเสิร์ชใน HotelsCombined.co.th มีโรงแรมให้เลือกเยอะอยู่ ทั้งในเมือง นอกเมือง นี่ลิงก์ค่ะ http://www.hotelscombined.co.th/Place/Uthai_Thani_Province.htm

 

อันนี้เรือนแถว…

 

 

นี่บ้านเดี่ยวของเรา…

 

 

เปิดเข้าไปก็จะพบความดีงาม…

 




 

ตอนแรกก็ว่าจะนอนเปื่อยในห้องแป๊ปนึงแล้วค่อยออก แต่กระเพาะมันไม่ยอมอ่ะดิ… ท้องมันส่งเสียงแล้วดิ บ่ายโมงแล้ว… งั้นไป! ประเดิมจังหวัดอุทัยธานีด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ที่เขาว่าเด็ดที่สุดร้านหนึ่งในจังหวัด *O* จากที่พัก เราเปิด google map แล้วเดินตามมาใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ร้านนี้ชื่อ ‘ร้านเต็กเฮี๊ยะ’ อยู่บนถนนศรีอุทัย ทางไปศาลากลางจังหวัด เลยเทศบาลมาหน่อยค่ะ ไปถึงก็ค้นพบว่า… คนเยอะจิ๊บหายเลยจ้า นั่งเบียดกับคนอื่นเอาจ้า

 


 

“นานแล้วนะ ทำไมทำช้างี้อ่ะ เราไม่ได้คิดไปเองใช่ป่ะ เขาทำช้าอ่ะ” ขณะที่บ่นๆกันอยู่ คุณป้าคนหนึ่งก็เอาก๋วยเตี๋ยวที่เราสั่งมาวางตรงหน้า ตอนนั้นคิดละ “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ-หมูไรวะน้ำใสงี้ พริกก็เยอะ ถ้าไม่อร่อยนะ!” พอโดนคำแรกไปเท่านั้นแหละ… บรรลุเลยค่ะ คืออร่อยมาก! อร่อยไรเบอร์นี้วะ5555555 เห็นคนอุทัยฯบอกนี่เป็นรสชาติเก่าแก่ของคนอุทัยฯ แต่สำหรับเราเราคือมันใหม่มาก มันดีอ่ะ มันดี ใครรู้ร้านก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่รสชาติแบบนี้ inbox มาบอกหน่อยนะ ไม่งั้นไม่ไหว ตั้งแต่กลับมานี่คิดทุกวันเลยว่าถ้านั่งรถไป 3 ชั่วโมงเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้แล้วกลับเลยนี่แย่มั้ย55555555 เอ้อๆ ชามละ 40 บ. นะ ไปไม่ถูกโทรเบอร์นี้ 056512667

 

 

สถานีต่อไป ‘บ้านจงรัก’ Next Station Baan Jong Rak… เดินจากร้านเต็กเฮี๊ยะไปบ้านจงรักใช้เวลาประมาณ 7 นาที ค่ะ มาเที่ยวอุทัยฯทั้งที ไม่แวะที่นี่ไม่ได้นะ! ชั้นแรกของบ้านจงรักเป็นร้านกาแฟ ตกแต่งด้วยตุ๊กตาและของตั้งโชว์เก่าๆ อย่างบาร์บี้รุ่นเก่า โดเรม่อนและผองเพื่อน แก๊งคนแคระทั้งเจ็ด และ อีกมากมายยยยย

 




 

เมนูเครื่องดื่มราคา 15-40 บ. เมนูของหวานราคา 10-45 บ. เรากับเพื่อนสั่งชาเขียวเย็น 25 บ. + ไอศกรีมกะทิถั่วแดง 15 บ. มาแก้ร้อนก่อน แล้วเดี๋ยวเราขึ้นไปดูชั้นสองกันนนนน : D

 


 

ชั้นสองเต็มไปด้วยของสะสม เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เตียง โต๊ะ ตู้ จาน ชาม เตารีด อยู่ครบ ! ประทับใจที่ครอบครัวเขารักษาข้าวของเครื่องใช้มาจนทุกวันนี้ เรานี่ปากกาด้ามนึงจะรักษาให้เกิน 2 เดือนยังยากเลย ตอนแรกก็กะว่าจะขึ้นไปเดินดูเฉยๆ แต่คุณลุงเจ้าของบ้านมาพูดคุย ให้ข้อมูลกับเราด้วย น่ารักมากค่ะ

 




 

คุณลุงบอกว่าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกเป็นบานพับนี่ (ขวามือของรูป) สมัยก่อนคุณลุงซื้อมาในราคา 6 บาทค่ะ…

 

 

เก๋มั้ยล่ะ เขามีทางเชื่อมมาอีกเรือนหนึ่งด้วยยยยย

 

 

ได้ฟีลเหมือนมาสตูดิโอถ่ายหนังย้อนยุค

 


 

บ้านจงรักเปิด 7.00 – 17.00 น. เบอร์ติดต่อ 081-886-3685 … จงไป จงไป จงรัก <3

 

จากบ้านจงรักก็เดินต่อค่ะ เลยโรงแรมพิบูลย์สุข เจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้าย เดินเข้ามานิดนึงเจอ ‘ร้านหนังสือกาลครั้งหนึ่ง’ แน่นอนนนนนนนนนนนนน หน้าร้านติดประโยคเก๋ๆไว้ว่า ‘การได้มีโอกาสอ่านหนังสือดี นับเป็นโชคอย่างหนึ่งของมนุษย์’ ร้านนี้มีหนังสือหายากหลายเล่ม ขายโปสการ์ด + ของที่ระลึกอื่นๆด้วย เปิด 7.30 – 19.00 น. อย่าลืมแวะมาล่ะ

 






 

เราซื้อโปสการ์ด 3 ใบ เพื่อนเราซื้อหนังสือหนึ่งเล่ม พี่เจ้าของร้านใจดีให้แผนที่ในเมืองอุทัยฯมาด้วย ขอบคุณอีกรอบนะคะพี่ ตั้งแต่ได้แผนที่มา ชีวิตหนูในอุทัยฯก็สะดวกสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ55555 : )

 

 

สถานที่ต่อไป ตั้งใจจะไปมากมากกกกกกกกกกก นั่นคือ ‘ร้านไพพรรณ’ ร้านนี้ขายขนมหลายอย่างค่ะ แต่ที่เขาว่าพีคสุดคือขนมปังสังขยา เพราะเป็นร้านขนมปังสังขยาร้านแรกของจังหวัด! ร้านอยู่บนถนนศรีอุทัย ระหว่างห้าแยกวิทยุกับวงเวียนน้ำพุ (ค่อนไปทางวงเวียนน้ำพุมากกว่า) ถึงร้านจะเปิด 7.00 – 17.00 น. แต่วันนี้เราไปบ่ายสองของก็หมดแล้ว แงงงงงงง พรุ่งนี้จะกลับมาซื้อให้ได้ คอยดูๆๆๆๆ ใครอยากกินแนะในให้ไปเช้าๆหรือโทรสั่งล่วงหน้า 1วัน ที่เบอร์นี้เลย 056511660

 

 

ระหว่างรอถนนคนเดินเปิดครบ เราไปถ่ายรูป ‘เรือนแพบนแม่น้ำสะแกกรัง’ กันดีกว่าแกรๆ เดินตามแผนที่มาแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว… ปัจจุบันมีเรือนแพกว่า 200 หลังอยู่บนแม่น้ำสะแกกรัง ทุกหลังมีบ้านเลขที่+ทะเบียนรับรองการอยู่อาศัยค่ะ ชาวบ้านบริเวณนี้ก็จะทำประมงเลี้ยงปลาแรด ปลาเทโพ ปลูกต้นเตย ใครอยากได้มุมเด็ดๆแนะนำให้ขึ้นไปถ่ายจากบนสะพานข้ามแม่น้ำ ถ้าโชคดีไปถ่ายตอนเช้าๆก็จะได้เห็นพระสงฆ์พายเรือบิณฑบาตรด้วยแหละ

 






 

ถ่ายเสร็จก็ข้ามมา ‘วัดอุโปสถาราม / วัดโบสถ์’ ต่อเลยยยยยย วัดนี้เป็นศาสนสถานเก่าแก่อยู่คู่เมืองอุทัยฯมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นค่ะ จุดเด่นคือมณฑปแปดเหลี่ยมด้านหน้า และ ภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านในที่บอกเล่าประวัติของพระพุทธองค์ตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน + ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย 5 องค์ เสียดายวันที่เราไปเขากำลังปิดปรับปรุง เลยดูได้แต่ด้านนอก ไว้มีโอกาสกลับไปอีกจะเอารูปมาฝากแน่นอน สัญญา

 



 

ตัดภาพมาที่ ‘ถนนคนเดิน ตรอกโรงยา’ พ่อค้าแม่ค้าตั้งของกันแล้ววววววววววววว ไปๆๆๆ เดินๆๆๆๆ สิ่งที่ต้องรู้คือถนนคนเดินที่นี่มีเฉพาะวันเสาร์ค่ะ แล้วเขาเปิด-ปิดเร็ว เปิดบ่ายสามกว่าๆ 2 ทุ่มก็ปิดแล้ว เพราะฉะนั้นรีบไปเดิน เดินเสร็จจะได้หิว จะได้ไปกินมื้อเย็นกันที่ร้าน… ฮั่นน่ะ! ยังไม่บอกๆๆๆๆ555555

 




 

ช่วงสาระน่ารู้วันนี้… แต่ก่อนตรอกโรงยาเป็นแหล่งสูบและซื้อขายฝิ่น จนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ประกาศให้ฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตรอกนี้จึงถูกปิด และเพิ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาค่ะ อย่ามัวแต่เม้าท์ๆๆๆ เดี๋ยวเลย ‘บ้านนกเขา’ เดี๋ยวไม่ได้ถ่ายรูป555555 บ้านนกเขาเป็นร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ของเก่า มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ งานอาร์ตที่เจ้าของเขาสะสมมาตั้งแต่สมัยนู้นนนนนน เปิดให้พวกเราเข้าไปชมเข้าชมได้แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ใครสนใจชิ้นไหนก็สอบถามราคาเขาได้เล้ยยยยย

 




 

จากตรอกโรงยาเราเดินทะลุมาถนนท่าช้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านที่เราจะไปกินเย็นนี้ค่ะ

 



 

เฉลยๆๆๆๆ เย็นนี้เรากินข้าวกันที่ ‘ร้านเจ๊ดาปลาลวก’ นี่คือรูปที่เราถ่ายไว้ตอนเดินผ่านแล้วร้านเจ๊ดาเพิ่งเปิด…

 

 

แล้วดูตอนนี้สิ… คนเป็นล้านนนนนนนนน

 


 

ร้านเจ๊ดาเปิดตั้งแต่ 17.00 – 22.00 น. คนเข้าเรื่อยๆจริงๆ ประมาณว่าโต๊ะไหนลุกก็มีคนนั่งต่อเลย ราคาอยู่ที่เมนูละ 50-100 บ. ถ้าเป็นอาหารจานเดียว 20-70 บ. ค่ะ เราสั่งไป 4 อย่าง มี ปลาแรดลวกจิ้ม(ห้ามพลาดนะอันนี้) หมูกรอบทอดน้ำปลา ผัดผักบุ้งไฟแดง และ ต้มยำแห้ง รอนานพอสมควร แต่เข้าใจได้ เพราะคนเยอะจริง พนักงานนี่ไม่มีใครมือว่างเลย เห้ย! มาแล้ว

 


 

ขอรีวิวมื้อนี้สั้นๆแล้วกันนะ… อร่อย! มาก! ที่สุด! กับ 4 อย่าง ข้าวต้ม 2 ถ้วย บิลออกมา 360 บ. คือคุ้มค่า อยากให้ทุกคนได้ไปโดนนะร้านนี้ เจ๊ดาปลาลวก ถนนท่าช้าง ไปไม่ถูกโทร 056571409

 

ก่อนกลับที่พักขอเดินย่อยอีกแป๊ปปปปปปปปป

 


 

อีกอย่างที่ชอบของเมืองอุทัยฯเลยคือ คนที่นี่เขารักสงบ ร้านข้าวร้านไรนี่บ่ายสองบ่ายสามปิดแล้วนะ มีแค่วันเสาร์เนี่ยแหละที่เปิดดึกหน่อยเพราะมีถนนคนเดิน ส่วนร้านเหล้าร้านนั่งชิลนี่ไม่รู้มีรึเปล่า เพราะไม่เห็นเลย กลางคืนหลับสบายไม่มีเสียงแว๊นนนนนแว๊นนนนนนนนนมารบกวน แต่อย่าหลับลึกมาก เพราะพรุ่งนี้เราจะตื่นไปเดินตลาดเช้ากันนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ กู๊ดไนท์ : )

.
.
.

ตื่นเถิดมาเที่ยวอุทัยฯอย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง…
6 โมงพุ่งตัวออกจากที่พักไปตลาดเช้าเลยค่ะ ปายยยยยยยยย

 

Related Post

 

ข้อดีของการตื่นเช้า คือได้เห็นภาพที่ทำให้อมยิ้ม แบบนี้…

 


 

‘ตลาดเช้า’ อยู่บริเวณริมแม้น้ำสะแกกรัง ที่พวกเราขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานกันเมื่อวานไงจำไม่ได้หรอ55555 ตลาดเปิดประมาณ 6.00 – 9.00 น. ค่ะ มีทั้งร้านขายผัก ข้าวขายข้าวแกง โจ๊ก ขนมหวาน และที่เห็นจะเป็นไฮไลท์เลยคือร้านขายปลา มีทั้งปลาสด ปลาแดดเดียว ปลาทอด ที่พูดมานี่ไม่ได้ซื้อสักอย่าง เดินดูอย่างเดียว แต่ชอบค่ะ ชอบบรรยากาศ ได้เห็นวิถีชีวิตดี :’)

 






 

ดูๆๆๆๆๆๆ ปลาๆๆๆๆๆ นั่นก็ปลาๆๆๆๆ ปรากฎว่า สะดุด… เจ้ย!

 


 

เดินสักพักเริ่มหิว หามื้อเช้าเด็ดๆกระแทกปากกันดีกว่าวัยรุ่น นั่นไงๆๆๆ ร้านนี้ เห็นหลายเว็บบอกว่าเด็ด เปิดเช้าด้วย เอาเลยๆๆ

 

 

‘ร้านโกตี๋’ เป็นร้านข้าวมันไก่สูตรไหหลำที่เปิดมานานเกือบ 50 ปีแล้ว รับประกันความอร่อยตั้งแต่ข้าว ไก่ น้ำซุป ไปจนถึงน้ำจิ้ม 2 แบบ 2 สไตล์ คือ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวใส่ขิงสับกับพริกหั่นหยาบ และ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน นอกจากข้าวมันไก่ร้านเขายังขายหมูกรอบ ไก่ทอด เป็ดย่าง และอื่นๆ (มีคนกระซิบมาว่าทีเด็ดร้านนี้คือแพะตุ๋นยาจีน) ร้านอยู่บนถนนท่าช้างใกล้ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ท้าพิสูจน์ เยื้องกับร้านเจ๊าดาปลาลวก เปิดตั้งแต่ 6.00 – 14.30 น. (วันเสาร์เปิดถึงค่ำเพราะมีถนนคนเดิน) เบอร์ติดต่อ 0565121013 จ้า

 

 

เราสั่งข้าวมันไก่ไม่เอาหนัง 35 บ. ค่ะ

 

 

กินเสร็จสะดุ้งเลยดิ จะ 8 โมงแล้ว! ร้านไพพรรณเปิดแล้ว! ขนมปังสังขยาต้องเป็นของช้านนนนนนนนนนนนนน เขาขายชิ้นละ 8 บ. 1 กล่อง (10 ชิ้น) 80 บ. เอ้อก็ไม่ได้ลดอะไรหนิ55555555 จัดมา 1 กล่องค่ะ! ตอนนี้จ่ายตังค์ ได้สังขยามาครองแล้ว แต่ยังไม่กิน รอกินของคาวเสร็จก่อนๆๆๆ เราพาเพื่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ ‘ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ๊โหนก’ (เมื่อกี๊กินข้าวมันไก่คนเดียว) ร้านอยู่บนถนนตรอกโรงยาค่ะ เราไปนี่เขาเพิ่งเปิดเลย กลิ่นน้ำซุปหอมมากก!

 



 

เพื่อนเราสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่เส้นเล็ก ชามละ 35 บ. ไหนขอชิมหน่อยซิ… อื้อหือออออออออออ ไก่นุ่ม เส้นดี น้ำซุปกลมกล่อม เอาไป 10 เต็ม ไม่รู้จะหักอะไร

 

 

มาต่อกันที่ของหวาน… พวกเราไปนั่งจิบชานม กินขนมปังสังขยาที่ ‘ร้านป้าทอง’ ค่ะ ป้าทองเปิดร้านนี้มากว่า 40 ปีแล้ว ฝีมือการชงกาแฟของป้าเรียกได้ว่าระดับเทพ! ข้าราชการคนใหญ่คนโตแวะเวียนมากินกาแฟร้านนี้ตลอด ไม่เชื่อดูในรูปได้เลย

 



 

ถึงเราสั่งชานมแก้วเดียวแต่ก็รับรู้ได้ถึงความอร่อย ไม่เคยกินชานมอร่อยขนาดนี้(เหมือนจะเว่อร์นะแต่ไม่เว่อร์)

 


 

ในส่วนของขนมปังสังขยานั้นนนนนนนน แป้งมีความเหนียวนุ่ม ไส้มีความหอมหวาน อ่ะๆๆโชว์ๆๆๆ

 


 

นั่งไปสักพักเริ่มได้ฟีลสภากาแฟ คนในร้านเขาคุยเรื่องบ้านเมือง เรื่องชีวิตกันไปเรื่อย พอกินเสร็จเดินไปจ่ายตังค์ป้าทองแกดันไม่เก็บตังค์เราเฉย ป้าแกบอกเห็นเราถ่ายรูปแกเยอะ เอ้อออออออออออ อย่างนี้ก็มีด้วย : D (ความจริงแก้วละ 10 บ.)

 

จากร้านป้าทองพวกเราเดินต่อไปที่อุทัยคาเฟ่ค่ะ เป็นร้านกาแฟ ซึ่งไกลอยู่นะ เดินประมาณ 20-25 นาที พอไปถึงก็พบว่า… ร้านปิดวันอาทิตย์ โชคดีอะไรขนาดน้านนนนนนนคนเรา555555 ขณะที่นั่งซับเหงื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่เจ้าของร้านเขาก็เปิดบ้านมาเห็น ถามว่าน้องมาทำอะไรกัน พอบอกไปว่ามาร้านพี่แหละค่ะ ไม่รู้ว่าปิดวันอาทิตย์ พี่เขาก็บอกนี่! คนรู้จักพี่กำลังจะเข้าเมืองพอดี เดี๋ยวเขาไปส่ง เราเกรงใจก็บอกหนูลงตรงไหนก็ได้ค่ะแล้วเดี๋ยวเดินต่อ สุดท้ายเขาไปส่งเราถึงปากทางเข้าร้าน บอกเลยว่าประทับใจน้ำใจของชาวอุทัยฯค่ะ <3

 

ร้านที่เราติดรถมาลงชื่อ ‘ร้านกอบกาแฟ’ ค่ะ อยู่แถวตลาดพัฒนา เปิดตั้งแต่ 7.00 – 18.00 น. ร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน จัดสรรพื้นที่ได้ดีและตกแต่งได้ลงตัว

 




 

เมนูเครื่องดื่มราคา 35 – 70 บ. เราสั่งเมนูชื่อกอบกาแฟ เย็น 60 บ. รสนุ่มดีแต่แอบหวานไปนิด เห็นคนมาบอกในเพจว่ากาแฟร้านนี้อร่อย อยากรู้ก็ต้องไปชิมกันเองจ้า แปะเบอร์ของร้านไว้ให้นะ 0857372273, 0845773731

 

 

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าไอคนเขียนนี่มันพุงใหญ่ขนาดไหนวะจุอาหารได้หมดนี่ คำตอบคือ แทบทุกอย่างที่สั่งมา แบ่งกันกินสองคนนะหนูนะ คนเดียวไม่ไหวนะลูก555555 ถ้าเข้าใจเราแล้วก็ไปต่อกันที่ร้าน ‘I am Cafe’ (หืมมมมมมมมม ยังไม่หมด) ร้านนี้อยู่บนถนนรักการดีค่ะ จากกอบกาแฟเดินมา 5 นาทีก็ถึงแล้ว เสิร์ช google map เอา

 




 

ชอบความชิคของร้าน ตกแต่งแบบเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่เข้ากัน (เอ๊ะยังไง55555) เราสั่งฮันนี่โทสต์ไปในราคา 98 บ.ซึ่ง เป็นราคาที่หายากมากในกรุงเทพฯ แถมโทสต์ยังอร่อย หอมกลิ่นน้ำผึ้ง แบบไม่ต้องราดเพิ่มแล้ว ถึงร้านจะอยู่ในทำเลที่รถวิ่งผ่านๆ แต่บอกได้เลยค่ะว่าควรแวะ! ร้านนี้เปิด 7.30 – 18.00 น. ใครหาไม่เจอก็โทร 080-966-2328 เลยนะ

 

 

ก่อนไปบ้านสวนจันทิตาเราขอกลับเข้าเมืองไปกินก๋วยเตี๋ยวอีกร้านค่ะ ร้านนี้ชื่อ ‘ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ท้าพิสูจน์’ อยู่ตรงกลางระหว่างร้านกาแฟป้าทองกับร้านข้าวมันไก่โกตี๋ (ใครมาทัวร์กินแนะนำกินติดกันไปเลยจะได้เก็บเป็นโซนๆ55555555) สาขาที่ 2 อยู่ข้างโรงแรมพิบูลย์สุข ร้านเปิด 9.00 – 15.00 น. จ้า

 




 

ไม่อร่อยจริงตั้งชื่อร้านแบบนี้ไม่ได้นะ… คือเขาทำอร่อยจริงๆ! ชามนี้ 35 บ. สุดคุ้มมมมมมม : p

 

 

บ่ายสามครึ่งพี่สามล้อคนดีคนเดิมก็มารับพวกเราส่งที่ ‘บ้านสวนจันทิตา’ ในราคา 120 บ. (หารแล้วคนละ 60 บ.) บ้านสวนอยู่ในซอยวัดจักษาภัทรารา(เลยมหาลัยฯรามคำแหงมาหน่อย) ตำบลสะแกกรัง ทางเข้าหน้าตาเป็นงี้…

 

 

ก่อนจะเข้าที่พัก เรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะ… บ้านสวนจันทิตามีบ้านพักแค่ 4 หลังเท่านั้นค่ะ บ้าน 1 หลัง พักได้ 2 คน วันอาทิตย์-พฤหัส ราคา 2,500 บ. / คืน วันศุกร์-เสาร์ ราคา 3,000 บ. / ต่อคืน เสริมได้ไม่เกิน 2 คนเพิ่มคนละ 800 บ. ราคานี้รวมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

 

ระเบียบในการเข้าพัก คือ เวลาเช็คอิน 14.00 น. เช็คเอ้าท์ 12.00 น. ที่นี่ไม่มี wifi + ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้จองเข้าชม และต้องดำเนินการจองตามขั้นตอนในลิงก์นี้เท่าน้านนนนน https://www.facebook.com/bansuanchantita/posts/424249037764936 ไปพักก็อย่าลืมรักษาความสะอาด และความสงบตามสไตล์บ้านสวนด้วยน้า เชื่อฟังคุณป้าคุณลุงที่เป็นเจ้าของ เพราะพวกท่านน่ารักมากกกกกกก <3

 



 

ตรงนี้เป็นส่วนกลางค่ะ พรุ่งนี้เช้าเราก็มากินข้าวกันตรงนี้แหละ

 


 

นี่บ้านหลังที่หนึ่ง

 

 

นี่บ้านหลังที่สอง

 


 

และนี่บ้านเราหลังที่ 4 มองไปเห็นหลังที่ 1 2 3 สวยจัง : 3

 


 

เปิดประตูเข้าไปก็จะพบความมินิมอล ความญี่ปุ่น น่าร้ากกกกกกกกกกกกก

 




 

บรรยากาศดีอย่างนี้ไม่เหมาะจะทำอะไรเลยค่ะนอกจากนอน กลิ้งมันเข้าไป เลื้อยเข้าไป555555 เหนื่อยมาทั้งวันแล้วอ่า – 3 – อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จพวกเราก็ออกไปซื้อไก่ทอด ข้าวเหนียว กับ ผัดไทที่ขายอยู่หน้าปากทางเข้าวัดมากินเป็นมื้อเย็น นั่งกินกันตรงระเบียง ความชิลระดับสิบค่ะ ชีวิตเราควรมาพักไรแบบนี้บ้างนะ สงบดี ไม่มีแสงไฟสีๆ ไม่มีรถไฟวิ่งข้ามหัว แต่ก็มีความสุข

 

เช้าวันจันทร์ 11 พวกเราตื่นมาด้วยความสดชื่น เพราะนอนหลับสบายมากเมื่อคืน ลืมเล่าไป เมื่อวานตอนกินมื้อเย็นที่ระเบียงคุณป้าเจ้าของเดินมาถามว่าพรุ่งนี้เราจะไปขึ้นรถตู้ยังไง จะไปไหนก่อนรึเปล่า แล้วสุดท้ายแกก็อาสาพาพวกเราไปส่งที่บขส. วันนี้แกนัดพวกเรา 10 โมงครึ่ง หลังจากกินอาหารเช้าที่ที่พักเตรียมไว้ให้ พวกเราก็นั่งเล่น ถ่ายรูปรอแกมาเรียกค่ะ : )

 



 

“มาแล้ว มาแล้วววววววววว ลูกๆพร้อมกันรึยังงงงงงงงงง ?” เสียงใสมาเลยคุณป้าของพวกเรา พวกเราขึ้นรถ คุยกับคุณลุงคุณป้าหลายเรื่อง โดยที่ไม่ได้ถามชื่อกันเลย แต่ก็ได้ข้อมูลว่าคุณป้าเป็นคนกรุงเทพฯ ที่มารับราชการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่อุทัยฯ ตอนนี้คุณป้าเกษียณมา 2 ปี แล้ว มีความสุขกับชีวิตเรียบง่ายตามสไตล์คนอุทัยฯค่ะ

 

 

เผลอแป๊ปเดียวพวกเราก็มาถึง ‘ร้านป้าสำราญ’ บนเกาะเทโพแล้วววววววว

 



 

ดูจากการสั่งอาหารเหมือนคุณป้าจะรู้จักลูกสาวเจ้าของร้านนี้ และเป็นลูกค้าร้านนี้มานาน คุณลุงคุณป้าสั่งเมนูแนะนำมา 4 เมนูโดยที่พวกเราไม่ต้องเลือกเลย มี ผัดถั่วสูตรผู้ว่า ทอดมันปลา ต้มยำปลา และ ปลาแรดสมุนไพร ถ้าบอกว่าอร่อยทุกเมนูอีกจะเบื่อมั้ยอ่ะ5555555 ตั้งแต่มานี่ยังไม่เจออะไรไม่อร่อยเลยค่ะจังหวัดนี้ อาหารการกินดีเลิศศศศ

 



 

ขอตักให้ ขอบริการเขาก็ไม่ยอมมมมม ฮือออออออออ T_________T

 

 

บิลออกมาเท่าไหร่ไม่รู้ คุณลุงคุณป้าเดินไปจ่ายตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีตอนเรียกขึ้นรถค่ะ ยัง ยังไม่หมด ยังขับรถวนให้ถ่ายรูปอีก…

 


 

แล้วคุณลุงคุณป้าก็มาส่งพวกเราถึงบขส.ในที่สุด… ขอบคุณแบบไม่รู้จะขอบคุณยังไง พวกแกดูแลเราดูเหมือนลูกเหมือนหลานเลย แล้วไม่ใช่แค่คุณลุงคุณป้าสองคนนี้นะ คนอุทัยฯอีกหลายคนที่เราเจอแล้วมีน้ำใจ ช่วยเหลือเรา ทักทายเรา นอกจากอาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ ก็คนอุทัยฯเนี่ยแหละที่ประทับใจที่สุด ไว้จะกลับมาอีกแน่นอนจังหวัดนี้ !

 

 

สุดท้าย ขอบคุณ Full Moon Wine ที่จัดกิจกรรมดีๆ ให้เราได้ไปเที่ยวในแบบของเรา
ครั้งหน้า Bliss Out There จะไปที่ไหน ติดตามได้ที่
Full Moon Wine Official : Campaign Create Your Journey
>> https://www.facebook.com/winefullmoon.official ค่ะ

 

Comments

comments