เรารวม ’15 บทเรียนที่เราได้จากการท่องเที่ยว’ มาให้เพื่อนๆได้ทบทวนการเดินทางของตัวเอง จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
ใครว่าการออกไปเที่ยวไม่มีประโยชน์ ? ไหนจะทำให้เรามีความสุข ไหนจะได้พักผ่อน
ได้กระชับความสัมพันธ์กับคนที่ไปด้วยกัน ได้ลองผิดลองถูก โอ๊ยเยอะแยะ…
ที่พูดมาเป็นประโยชน์ระยะสั้น แต่บทเรียนสำคัญๆที่ช่วยสอนเราในระยะยาวก็มีเหมือนกัน
รวมมาให้แล้ว ’15 บทเรียน’ ไปดูกันว่าตรงกับที่เพื่อนๆคิดไว้รึเปล่า : D
1. โลกใบนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ ชีวิตก็เหมือนกัน…
การท่องเที่ยวทำให้เราตระหนักว่าเรายังเป็นเด็กน้อยเสมอไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ข้างนอกมีสิ่งใหม่ๆให้เราเรียนรู้ได้ไม่หยุด เช่น วิธีการทานอาหารอิตาเลียน การนุ่งผ้าถุงลงไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในน้ำของชาวบาหลี จงทำตัวให้เหมือนแก้วเปล่า พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และเมื่อเจอปัญหา จงบอกกับตัวเองว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ
2. เราจะเจอคนที่น่าจดจำ ซึ่งเราเองก็น่าจดจำ
ทุกคนโตมาต่างกัน ผ่านประสบการณ์ที่ต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น เพราะเราพิเศษในแบบของเราอยู่แล้ว มีหลายคนที่เราเจอตอนไปเที่ยวแล้วเรายังจำเรื่องราวของพวกเขาได้จนถึงตอนนี้ เช่น เพื่อนชาวเอกวาดอร์ที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพื่อเก็บเงินเที่ยวรอบโลก คุณลุงชาวญี่ปุ่นอายุเกือบ 70 ที่ยังใส่สูทไปทำงานทุกวัน ไกด์กัมพูชาที่เข้ามาเรียนที่ไทยและผ่านอุปสรรคมากมายจนสอบเป็นไกด์ได้ตามที่ตั้งใจ เรื่องพวกนี้ทำให้หัวใจเราชุ่มชื้น จริงมั้ยล่ะ :}
3. ‘ความผิดพลาด’ ไม่มีจริง
ถ้าตอนเที่ยวจริงไม่เหมือนแผนที่วางไว้ เราก็แค่มองโลกในแง่ดี สนุกกับสิ่งที่เราเจอ เปลี่ยน ‘ความผิดพลาด’ ให้เป็น ‘ประสบการณ์ที่น่าจดจำและตื่นเต้น’ ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน เมื่อเราเห็นคุณค่าของ ‘ความผิดพลาด’ เราจะสามารถเปลี่ยน ‘ความผิดพลาด’ ให้เป็น ‘บทเรียน’ ได้ เช่น เผลอเอาของเหลวขึ้นเครื่อง >> บทเรียน
โดนหลอกซื้อของที่ระลึกที่ราคาแพงกว่าปกติ >> บทเรียน
เข้าห้องน้ำตามสถานีรถไฟแล้วลืมหยิบทิชชู่ติดมา >> เวรกรรม เอ้ยไม่ใช่ ! ฮ่าๆ
4. อย่าให้ ‘แผน’ มาจำกัดเส้นทางของเรา
แน่นอนว่าทุกทริปต้องวางแผน เรามีสิ่งที่อยากดู อยากทำ แต่ก็อย่าลืมสนใจสิ่งรอบตัวด้วยล่ะ เราต้องรู้จักยืดหยุ่นและปรับตัวอยู่เสมอ ถึงเส้นทางจริงๆมันจะไม่เหมือนกับที่เราคิดไว้ แต่มันก็ช่วยเติมสีสันให้ชีวิตเรานะ
5. ‘ความหลากหลาย’ คือเสน่ห์ของโลกทั้งใบ
ทำไมเราถึงอยากไปเวนิส เมืองแห่งสายน้ำ? ทำไมฝรั่งถึงอยากมาเที่ยวบ้านเราทั้งๆที่มันร้อนตับแตก? ทุกคนมีสัญชาติญาณอยากรู้ อยากเห็นสิ่งใหม่ๆเสมอ.. วัฒนธรรมคือสิ่งที่ตอบคำถามว่าทำไมคนกลุ่มนี้ทำแบบนั้น ทำไมคนกลุ่มนั้นทำแบบนี้ ศาสนา ภาษา ศิลปะ และ อาหารการกินของคนทุกกลุ่มมีที่มาที่ไป ผสมผสานกับกลุ่มอื่นบ้าง แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของกลุ่มไว้ ออกไปทำความรู้จักวัฒนธรรมต่างๆถ้ามีโอกาส แล้วจะรู้ว่าทำไมโลกนี้ถึงน่าอยู่
6. เมื่อเรามองทุกอย่างสวยขึ้น เราก็ยิ้มบ่อยขึ้น
การเที่ยวบ่อยๆทำให้เราสะสมมุมมองบางอย่าง เราจะเข้าใจความแตกต่างมากขึ้น มีความสุขกับเรื่องเล็กๆมากขึ้น มองสิ่งก่อสร้าง ธรรมชาติ ผู้คนสวยงามขึ้น ถึงมันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ และความรู้สึกสวยจังนี่แหละที่จะทำให้เรายิ้มได้
7. การท่องเที่ยวเป็น ‘ยารักษา’ สารพัดโรค
ไม่ว่าจะโรคเหงา โรคเบื่อ โรคอกหัก โรคค้นหาตัวเอง หรือ โรคอะไร การท่องเที่ยวก็รักษาได้หมดเลยยยย (ทางจิต/อารมณ์นะ) แค่ได้ออกไปที่ใหม่ๆ ทำอะไรใหม่ๆ กินอาหารที่ไม่คุ้น ก็ทำให้ร่างกายและจิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้น ปัญหาทุกอย่างจะดูเล็กลงเมื่อเราได้เห็นว่าโลกกว้างใหญ่ขนาดไหน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นโรคอะไร ปิงแนะนำให้ไปเที่ยวค่ะ !
8. รู้ค่าของประสบการณ์ รู้ค่าของเงิน
การออกไปเที่ยวแต่ละครั้งถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่ไปเที่ยวเรามีเวลาจำกัด เราเลยต้องใช้เวลานั้นให้คุ้ม ลองทำสิ่งใหม่ๆที่บ้านเราไม่มีให้ทำ ลองกินเมนูแปลกๆที่บ้านเราไม่มีให้กิน และด้วยความที่ไปเที่ยวแต่ละครั้งต้องใช้เงิน เที่ยวเสร็จก็ต้องกลับมาทำงานหาเงินไปเที่ยวใหม่ จะเรียกว่าเสียเงินซื้อประสบการณ์ก็ได้ ส่วนมันจะคุ้มไม่ค้มก็อยู่ที่เราแล้วแหละ
9. ไม่มีใครสร้าง ‘ขีดจำกัด’ ได้ นอกจากตัวเราเอง
การเดินทางจะคอยเตือนเราว่าชีวิตเรามีอิสระขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งรถแล้วยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง ตอนยืนอยู่บนเขาแล้วอ้าแขนสองข้างพร้อมสูดอากาศหายใจ หรือตอนดำน้ำแล้วว่ายตามปลาตัวที่เราชอบ ลองใช้ชีวิตจริงให้เหมือนตอนไปเที่ยว สนุกกับสิ่งที่เข้ามา อย่าไปตีกรอบ อย่าไปคิดอะไรเยอะ ปวดหัว
10. คนที่เที่ยวบ่อยไม่ใช่คนรวยเสมอไป
ตอนม.ปลายเรามีความคิดว่ารุ่นพี่ที่เที่ยวบ่อยๆนี่บ้านมีตังค์แน่เลย คนที่ไปทวีปอื่นได้นี่ต้องรวยมาก… มันก็จริงส่วนหนึ่งค่ะ แต่พอได้มาเที่ยวเอง จัดการเอง เราก็รู้ว่าการวางแผนล่วงหน้า ละเอียด และรอบคอบ ช่วยเราประหยัดได้เยอะเลย บางครั้งใช้เงินน้อยกว่าที่คนอื่นใช้ถึงครึ่งนึงแหนะ อีกอย่างคือความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจเอาเงินไปดูหนัง ช้อปปิ้ง บางคนเอาไปเที่ยว แบบเราและทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ ฮ่าๆ
11. ยังไง ‘ภาษาอังกฤษ’ ก็สำคัญ
ถึงเราจะมีภาษามือ แต่ก็ใช้แทนได้แค่ประโยคง่ายๆ ถึงเราจะมี Google translate แต่ถ้าเราไม่มีเน็ตก็จบ และถึงภาษาต่างๆในภูมิภาคเอเชียจะเพิ่มความสำคัญขึ้น แต่ภาษาอังกฤษก็ยังเป็นภาษาที่สำคัญและจำเป็นที่สุด ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือตอนไปเที่ยว ถ้าเราเข้าใจภาษาอังกฤษเราจะสามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆได้มากกว่า มีโอกาสทำงานที่หลากหลายกว่า และ เป็นเพื่อนกับชาวต่างชาติได้อย่างสบายๆ เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามภาษาอังกฤษนะจ๊า
12. การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ
ท้องฟ้าวันหนึ่งมีหลายสี พระอาทิตย์กับพระจันทร์สลับกันขึ้น-ลง หน้าหนาวคนแห่ขึ้นเหนือ หน้าร้อนคนหนีลงใต้ ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขและเวลา ชีวิตเราก็เหมือนกัน ไม่มีอยู่นิ่ง ไม่ว่าเราจะได้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้นรึเปล่า ให้เรารู้ไว้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ
13. เราไม่ต้องมีทุกอย่าง แต่เราต้องมีความสุข
หลายครั้งที่เราไปเที่ยวประเทศโลกที่สาม หรือ ชุมชนห่างไกล แล้วเกิดคำถามในหัวว่า ‘เขาอยู่กันยังไงอ่ะไม่มีอินเตอร์เน็ต?’ / ‘เสาร์-อาทิตย์ไปไหนเนี่ย ห้างก็ไม่มี?’ และอีกมากมายหลายยยยยยยคำถาม แต่เราก็รู้คำตอบทั้งหมดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนแต่ละที่ รอยยิ้มที่มาจากความสุข สุขที่มาจากความพอ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เอาไปใช้ได้กับหลายๆเรื่องในชีวิต
14. จงบอกเล่า/ส่งต่อเรื่องราวดีๆที่เราพบเจอ
เรื่องราวของเรามีประโยชน์กับคนอื่นเสมอไม่ว่าเราจะไปเที่ยวใกล้หรือไกล มันอาจเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะไป เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อยากไปแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป หรือ เป็นความรู้ให้คนที่ไม่รู้จักสถานที่นั้นเลย เราเชื่อว่าหลายคนชอบอ่านหนังสือ นิตยสาร และ บทความตามเว็บไซต์ท่องเที่ยว ไม่อยากลองเป็นคนเล่าบ้างหรอ ได้อีกฟีลนะ : D
15. เราทุกคนแตกต่าง แต่เหมือนกัน..
การท่องเที่ยวเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจความเป็นมนุษย์และเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อเราเจอพวกเขาแล้วเราจะไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับชีวิตพวกเขา เหมือนที่เราอยากให้เด็กบางประเทศมีรองเท้าใส่ หรือ อยากช่วยเหลือคนญี่ปุ่นเมื่อมีแผ่นดินไหว ในบทเรียนทั้งหมด 15 ข้อ เราว่าข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มาจากไหน เพื่อนมนุษย์คือของขวัญที่สวยงามที่สุดในชีวิต ดังนั้นออกไปทำความรู้จัก และ รักในความแตกต่างของพวกเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติอะไร นับถือศาสนาอะไร มีไลฟ์สไตล์เป็นยังไง แล้วโลกเราจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย
จากนักท่องเที่ยวสายสันติภาพคนนึง
ปิงปิง : )